ภาพรวมทางเศรษฐกิจและการบริโภคในครึ่งปีแรกนั้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง อีกทั้งผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย แต่หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มผ่อนคลายลงในปลายไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจสูงขึ้น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ 11,441 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 979 ล้านบาท
ส่วนภาพรวมในครึ่งปีหลังยังคงมีทิศทางใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยภาวะการแข่งขันจะยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากผู้ประกอบการค้าปลีกต่างๆ ได้งัด กลยุทธ์ทุกรูปแบบเพื่อกระตุ้นการซื้อของลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับภาวะตลาดที่ชะลอตัวในปัจจุบัน โดยได้เตรียมงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท เน้นจัด แคมเปญใหญ่ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว่า 6 แคมเปญยักษ์ อาทิ Wonderful Mom, All About Home, I Go Jeans, All About Shoe, Big Dad และ My Wish My Gift และเพิ่มบิ๊กไอเดียให้มีความแตกต่างกันในแต่ละสาขาเพื่อให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่และสร้างความแตกต่างให้โดดเด่นกว่าคู่แข่ง
นอกจากนี้จะใช้การทำแคมเปญกับลูกค้าสมาชิกบัตร The 1 Card ด้วยการให้โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะลูกค้าผู้ถือบัตรเพื่อกระตุ้นยอดขายในครึ่งปีหลังนี้ พร้อมเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย สื่อผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วย Facebook และ Instagram มากขึ้น พร้อมปรับกลยุทธ์ด้านสินค้า โดยเน้นสินค้ากลุ่มที่มีความคล่องตัวสูง จับจ่ายง่าย และทำกำไรสูง อาทิ เครื่องสำอาง และรองเท้า โดยเพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย มีสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ ครบสี ครบไซด์ ตรงความต้องการและพร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย
“ถึงแม้ว่าปกติแล้วไตรมาสที่ 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่สุดของปี แต่แนวโน้มตลาดในปัจจุบัน เริ่มขยับตัวสดใสขึ้น และมั่นใจว่า จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยบริษัทฯจะเน้นการทำการตลาดเต็มรูปแบบเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายเติมความคุ้มค่าให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง"นายอลัน กล่าว