“ปีหน้าเราจะปักธงแน่ๆ ว่าจะเปิดประเทศไหนในอาเซียน ซึ่งเราก็มีการเข้าไปศึกษา สำรวจพื้นที่ และเจรจากับพันธมิตรในเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ปีหน้าก็เปิด 1 สาขา 1 ใน 3 ประเทศนี้แหละ ยังไม่มีแผนต่อไปว่าจะเปิดเพิ่มมากกว่า 1 สาขาในตอนนี้ เบื้องต้นให้มีก่อน 1 สาขาในอาเซียน"นายวรวุฒิ กล่าว
ส่วนการขยายสาขาในประเทศ ช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกราว 10 สาขา เป็น 145 สาขาภายในสิ้นปี 57 แบ่งเป็นสาขาของออฟฟิศเมท 54-55 สาขา และสาขาของร้านบีทูเอสมากกว่า 90 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาของทั้ง 2 ร้านเปิดให้บริการอยู่ที่ 135 สาขา โดยตั้งงบลงทุนราว 600 ล้านบาทสำหรับการปรับปรุงสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 408.79 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในครึ่งปีหลัง เมื่อภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับมา และมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ แต่ทิศทางการเพิ่มขึ้นของยอดขายอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้ารายได้ในปีนี้เติบโต 12-13% จากปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 9.12 พันล้านบาท ประกอบกับในปีนี้จะมีการรับรู้รายเพิ่มมากขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท บีทูเอส จำกัด และบริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น ในการทำ E-Book ช่วยหนุนกำไรสุทธิให้เพิ่มมากขึ้น "กำไรปีนี้คาดว่าโตกว่าปีก่อน เพราะยอดขายเราในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ที่เราโดนทั้งการเมืองไม่สงบ เศรษฐกิจแย่ ไตรมาส 2 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นและเลื่อนเปิดเทอมออกไปอีก ทำให้มันกระทบยอดขายเรามาก แต่ครึ่งปีหลังจะเห็นได้ว่าไตรมาส 3/57 ยอดขายก็เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ทิศทางในครึ่งปีหลังการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ได้เพิ่มพรวดพราด"
"ส่วนสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์ แม้ว่าขนาดจะเล็กลง แต่ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 40% รายได้เราก็คงเป้าเดิมที่ 12-13% และ Efficiency ของการควบรวมกิจการระหว่าง B2S และ MEB มีการรับรู้รายได้เข้ามากในปีที่ 2 มากกว่าปีแรกที่มีการควบรวมกิจการ ช่วยหนุนกำไรของบริษัท"นายวรวุฒิ กล่าว