แต่กำไรจะลดลงจากปี 56 ที่มีกำไร 77.74 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบในช่วงครึ่งปีแรกที่ภาพรวมธุรกิจซบเซาจากสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะในไตรมาส 2/57 แต่มองว่าครึ่งปีหลังธุรกิจโดยรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น น่าจะทำให้ไตรมาส 3/57 สามารถทำกำไรได้มากขึ้น หลังจากความเชื่อมั่นของผู้ผลิตภาพยนตร์ในต่างประเทศเริ่มกลับมา ซึ่งขณะนี้ได้เข้ามาเช่าอุปกรณ์ถ่ายทำของบริษัทจนเต็มอัตราแล้ว
นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวส่งผลต่อกำลังซื้อที่จะกลับมามีมากขึ้น ช่วยกระตุ้นเม็ดเงินโฆษณาและการถ่ายทำหนังโฆษณา ขณะที่ทีวีดิจิตอลจะช่วยให้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย และจากการที่มีทีวีหลายช่องจะทำให้เกิดการแข่งขัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้าถึงการซื้อเวลาโฆษณาทางทีวีได้มากขึ้น
"เรามองว่ารายได้น่าจะเติบโตได้ 10% จากธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายหนัง รายการทีวี ขณะที่กำไรปีนี้น่าจะปรับตัวลดลงจากปีก่อน เนื่องด้วยธุรกิจหลักอย่างการให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายหนังซบเซาไปมากในไตรมาส 2 จากที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง อย่างไรก็ตามมองว่าไตรมาส 3 นี้กำไรน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้ เพราะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น"นายภูมิชาย กล่าว
สำหรับการขยายการลงทุนในธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์นั้น บริษัทเตรียมจะผลิตรายการให้กับทางช่อง 7 เพิ่มอีก 1 รายการ คือ รายการประเภทสารคดี จากเดิมผลิตอยู่ 4 รายการ ได้แก่ รายการปลดหนี้ ทั้งในวันธรรมดาและวันหยุดนขัตฤกษ์, รายการคบเด็กสร้างบ้าน, รายการ CHEEZE TV และรายการตลบหลังตลาด
ส่วนธุรกิจใหม่ สตูดิโอถ่ายหนังครบวงจร (New Home Project) ที่เพิ่งลงทุนซื้อที่ดินไปนั้น บริษัทคาดว่าจะสร้างรายได้ราว 1 ล้านบาทต่อเรื่อง ซึ่งน่าจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จเฟสแรกภายในปี 59 โดยตั้งงบลงทุนไว้ 800 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดิน 400 ล้านบาท และค่าก่อสร้างอีก 400 ล้านบาท ทั้งนี้ หากสตูดิโอถ่ายหนังให้เช่าสร้างแล้วเสร็จน่าจะสร้างรายได้เข้ามาเป็นสัดส่วน 5% ของรายได้รวม
นายภูมิชาย กล่าวว่า การร่วมทุนระหว่าง บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้น, บางกอกฟิล์ม สตูดิโอ และบมจ.แม็ทชิ่ง สตูดิโอ พลัส จัดตั้งบริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทยนั้น ตั้งเป้าส่งหนังออกสู่ตลาดราว 4-6 เรื่องต่อปี ซึ่งปีนี้จะมีหนังเข้าฉาย 2 เรื่อง คือ"ตุ๊กแกรักแป้งมาก"กับ"Single Lady" คาดหวังว่าจะทำรายได้เรื่องละ 100 ล้านบาท