อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าในปี 58 แนวโน้มอุตสาหกรรมภาพยนตร์เริ่มปรับตัวดีขึ้น และบริษัทฯมีการคัดสรรซื้อภาพยนตร์ที่มีคุณภาพมากขึ้น โดยบริษัทจะรุกธุรกิจซื้อภาพยนตร์มาจัดจำหน่ายให้แก่โรงภาพยนตร์มากขึ้น ซึ่งมีแผนจะนำภาพยนตร์ไทยไปจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มเติมทั้งพม่า และเวียดนาม หลังจากที่ได้เข้าไปจำหน่ายในกัมพูชามาแล้ว คาดหวังสัดส่วนรายได้ราวปีละ 3 ล้านบาทต่อประเทศ
ส่วนในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้สำหรับธุรกิจซื้อภาพยนตร์มาจัดจำหน่ายให้แก่โรงภาพยนตร์เติบโตเป็น 400 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจโฮมเอนเตอร์เทนต์เมนต์คาดว่าจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีการลงทุนซื้อหนังมาฉายประมาณ 30 เรื่อง
"เราคาดว่าในปี 58 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จากที่เรามีการเน้นการจัดจำหน่ายหนังแก่โรงภาพยนตร์มากขึ้น จากเดิมเราโฟกัสที่โฮมเอนเตอร์เทนต์เมนต์มากไป ซึ่งฉุดผลประกอบการ ขณะที่เราก็มีแผนจะนำหนังไปจำหน่ายในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้เข้ามา โดยคาดหวังว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายหนังราว 3 ล้านบาทต่อประเทศ"นายธนกร กล่าว