"สถานการณ์ปัจจุบันนั้นราคาทองคำถูกกดดันจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานที่ปรับตัวลดลง ยอดขายบ้านมือสองซึ่งขยายตัวติดต่อกัน ตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯเร็วกว่าที่คาดเอาไว้"นางสาวฐิภา กล่าว
ด้านกลยุทธ์การลงทุน นางสาวฐิภา มองว่าเป็นจังหวะในการเข้าทยอยสะสมทองคำสำหรับนักลงทุนระยะกลางเมื่อราคาอ่อนตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,260 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,100 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม หากราคาดีดตัวขึ้นและไม่สามารถผ่าน 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 19,700 บาทต่อบาททองคำ อาจลดการถือทองคำลงเพื่อรอการเข้าซื้ออีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นสามารถเก็งกำไรตามกรอบราคาแนวต้าน-แนวรับในแต่ละวัน
ทั้งนี้ ทิศทางราคาทองจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี วายแอลจี คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะอยู่ในโซน 1,180-1,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 17,800-21,600 บาทต่อบาททองคำ โดยปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงเป็น ประเด็นสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยในวันพฤหัสบดีนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2/57 และผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน นอกจากนี้ในวันที่ 18 กันยายนศกนี้จะมีการประชุมเฟด