(เพิ่มเติม) ICHI หวังยอดขายอินโดฯดันรายได้รวมพุ่งแตะ 2.5 หมื่นลบ.ใน 5 ปี จากปีนี้ราว 7 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 27, 2014 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป(ICHI) คาดว่า รายได้รวมของบริษัทจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 2.5 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปีข้างหน้า หลังจากบริษัทตัดสินใจลงทุนขยายตลาดในอินโดนีเซีย จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 7 พันล้านบาท โดยเชื่อว่าในปี 58 จะมีรายได้จากอินโดนีเซียเข้ามาราว 1 พันล้านบาท และตั้งเป้าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ของเป้าหมายรายได้รวมในระยะยาว

วันนี้ ICHI เปิดตัว บริษัท อิชิตัน อินโดนีเซีย จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่าย ชาพร้อมดื่มและเครื่องดื่มชนิดต่างๆ โดย ICHI และ บริษัท พีที อาทรี่ แปซิฟิค จำกัด(AP) ประเทศอินโดนีเซีย ถือหุ้นร่วมในสัดส่วน 50:50 โดย AP เป็นบริษัทร่วมทุน หว่างพีที ซิกมันทรา อัลฟินโด้ และมิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น บริษัทร่วมทุนจะเรียกเก็บเงินลงทุน 25% ของทุนจดทะเบียน ฝ่ายละ 148 ล้านบาท หลังจากนั้นจะทยอยเรียกเก็บส่วนที่เหลือตอนการดำเนินงานของบริษัท อิชิตัน อินโดนิเซีย จำกัด รวมเป็นเงินลงทุนเมื่อเสร็จสิ้นโครงการฝ่ายละ 592 ล้านบาท

นายตัน กล่าวว่า เครื่องดื่มอิชิตันมีกำหนดกระจายตลาดประเทศอินโดนีเซียภายในไตรมาส 1/58 ตั้งเป้ามีสินค้าอย่างน้อย 2 รสชาติออกวางจำหน่ายภายในปีแรก ขั้นต้นใช้วิธีว่าจ้างผลิตในอินโดนีเซียและจากโรงงานของอิชิตันกรุ๊ปเอง เมื่อทำการตลาดเต็มรูปแบบแล้วและได้รับผลตอบแทนตามความคาดหมายแล้ว บริษัทจึงจะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งสายการผลิตของโรงงานในอินโดนีเซีย

“การลงทุนของอิชิตันกรุ๊ปครั้งนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศ อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคนและมากที่สุดใน AEC การรวม ความ แข็งแกร่งของทั้งอิชิตันกรุ๊ป เอพี และ มิตซูบิชิ จะสร้างโอกาสด้านการตลาดที่ยิ่งใหญ่ให้กับทั้ง 3 บริษัท อันจะสร้างผลประกอบการและผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น ในขณะเดียวกันก็จะช่วยพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจของประเทศ ไทยให้มีมาตรฐานการยอมรับระดับโลก"นายตัน กล่าว

นายตัน กล่าวว่า บริษัทศึกษาข้อมูลการขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียนานพอสมควร พบว่ามีศักยภาพหลายด้านที่สนับสนุนการขยายธุรกิจชาพร้อมดื่ม ทั้งจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคนส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงานพร้อมสำหรับการเปิดรับเครื่องดื่มใหม่ๆ ประเทศตั้งในเขตศูนย์สูตรอากาศร้อนตลอดทั้งปีมีวัฒนธรรมดื่มชาเป็นประจำคู่กับทุกมื้ออาหารและทุกกิจกรรมระหว่างวัน เป็นปัจจัยบวกต่อการทำตลาดเครื่องดื่ม เฉพาะตลาดชาพร้อมดื่มอินโดนิเซียมีมูลค่าสูงถึง 73,000 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 15%

อิชิตัน อินโดนีเซีย จะเริ่มลงทุนด้านการผลิตต่อเมื่อทำรายได้เข้าเป้า 1 พันล้านบาทในปีแรก หลังจากนั้นบริษัทจะหาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มชา เพื่อป้อนตลาดในอินโดนีเซีย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนอีกราว 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะใช้วงเงินกู้ โดยยืนยันว่าไม่มีแผนเพิ่มทุน เนื่องจากเป็นการทยอยลงทุน ซึ่งในสัญญาร่วมลงทุนกำหนดวงเงินสนับสนุนจาก ICHI ไว้แล้วหากอนาคตจะต้องก่อสร้างหรือขยายโรงงาน และซื้อเครื่องจักร

บริษัทจะยังไม่มองหาการลงทุนเพิ่มในประเทศอื่นๆ ในช่วง 2-3 ปีนี้ แต่จะขอรอดูยอดขายในอินโดนีเซียให้ได้ตามเป้าก่อน เนื่องจากมองว่ามีโอกาสทางธุรกิจค่อนข้างมาก เพราะตลาดชาในอินโดนีเซียมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 70,000 ล้านบาท เป็นสัดส่วนของเครื่องดื่มชาเขียว 13% ที่เหลือเป็นชาดำและอื่นๆ โดยตลาดชาเขียวเติบโตปีละ 20% ชาอื่นๆโต 15% มีผู้ประกอบการราว 10 รายและการแข่งขันอยู่ในระดับปกติ

"เราจะเปิดตลาดโดยชามะนาว ชาดำ ซึ่งรสนิยมการบริโภคจะคล้ายคนไทย ราคาขายราว 13-15 บาท/ขวด มั่นใจยอดขายในอินโดฯปีแรกที่ 1,000 ล้านบาท ปีที่ 2 เพิ่มเป็น 2,500 ล้านบาท เพราะตอนนี้พาร์ทเนอร์ของ(เอพี) มีคอนวิเนียนสโตร์ในอินโดฯ ราว 10,000 สาขา และมิตซูฯ ก็เตรียมจะเปิดร้านค้าเพิ่ม พันธมิตรเรามีทั้งค้าปลีกและดิสทริบิวเตอร์อยู่ในมือพร้อมปักธงง่ายขึ้น เริ่มใช้การผลิตจาก OEM ในอินโดส่วนหนึ่งและส่งไปจากไทยส่วนหนึ่งจนกว่าจะได้เป้ายอดขายค่อยหาซื้อที่ดินสร้างโรงงาน และจะลงทุนในอินโดให้สำเร็จก่อนค่อนไปประเทศที่ 3”นายตัน กล่าว

ส่วนการดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น ในปีนี้ยังคงเป้ารายได้รวมเติบโต 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,400 ล้านบาท แม้ว่าครึ่งแรกอาจยังทำไม่ได้ตามเป้า แต่เชื่อว่าครึ่งหลังที่ยังมีเวลาอีกหลายเดือนน่าจะทำได้ ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในไทยเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2 ปีข้างหน้าแตะ 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเครื่องดื่มชาที่ 1,000 ล้านขวดต่อปี และสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 1,200 ล้านบาทต่อปี หลังจากได้เพิ่มเครื่องจักรให้เพื่อผลิตเครื่องดื่ม"เย็นเย็น" ไบเล่ และ เก็กฮวย ซึ่งทำยอดขายดีมาก

“โรงงานใหม่เพิ่มเครื่องจักรอีก 1 เครื่อง หลังเย็น เย็น เก็กฮวย ขายดีมาก และรองรับไปถึงไบเล่ด้วย”นายตัน กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ