อย่างไรก็ตาม หากโครงการเมกะโปรเจคภาครัฐเริ่มมีการดำเนินงาน จะส่งผลให้ CCP มีโอกาสสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตด้วยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับเทคโนโลยีการก่อสร้าง การปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพในการผลิตรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น การเจรจาพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเข้ารับงาน การสร้างระบบริหารจัดการใหม่เพื่อบริหารต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอาทิตย์ กล่าวว่า รายได้ไตรมาส 3/57 จะดีกว่าไตรมาส 2/57 โดยแนวโน้มเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสก่อน หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐฯและเอกชนกลับมามากขึ้น และปัจจุบันบริษัทได้เข้าประมูลงานอีก 500-600 ล้านบาทที่จะทยอยรู้ผลประมูลภายในปีนี้ ซึ่งคาดหวังจะได้รับงานทั้งหมดที่เข้าประมูล
"เราอยู่ระหว่างประมูลงานชิ้นใหม่ที่ออกมา และจะทยายรู้ผลในช่วงครึ่งปีหลัง เราก็หวังว่าเราจะได้งานพวกนี้ทั้งหมด เพราะงานที่เราเข้าประมูลทั้งหมดเราเลือกงานที่เรามีความถนัดทำให้เรามั่นใจว่าจะได้งาน สถานการณ์ไตรมาส 3 เชื่อว่าจะดีกว่าไตรมาส 2 เพราะปกติแล้วไตรมาส 2 จะเป็นช่วงที่ไม่ค่อยดีของเราอยู่แล้ว ปัจจุบันงานต่างๆก็ทยอยออกมาแล้วก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให่เราเติบโตได้ดีขึ้นด้วย" นายอาทิตย์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยมองไว้ 3 แนวทางคือ การเข้ามาถือหุ้นใน CCP, การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ หรือการร่วมมือเฉพาะบางโครงการ ซึ่งขณะนี้ผู้ที่ต้องการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทส่วนใหญ่มาจากกองทุนหลายประเทศที่มีความสนใจ อาทิ ฮ่องกง ยุโรป และสิงคโปร์ ที่เข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันบริษัทยังไม่มีความจำเป็นด้านการเงิน เพราะมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)เพียง 0.95 เท่า
"มีหลายรายที่เข้ามาเจรจากับเรา แต่เราไม่ต้องการเงินลงทุนเพิ่ม เพราะ D/E ของเราอยู่ค่อนข้างต่ำ หากจะมีการลงทุนใหม่ๆก็ยังสามารถกู้เงินได้อีก แต่เรามองหาพันธมิตรที่จะเป็นการให้ knowhow มากกว่า หากมีบริษัทที่หน้าสนใจเข้าเราก็ยังสนใจที่จะพิจารณาเข้ามาในรูปแบบไดรูปแบบหนึ่ง"นายอาทิตย์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทย่อย บมจ.สมาร์ทคอนกรีต(SMART)นั้น ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)อนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปแล้ว และคาดว่าจะเสนอขายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือน ก.ย.57 โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 115 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย SMART จำนวน 70.45 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ชลประทีปสินทรัพย์ จำกัด (CPP) จำนวน 44.55 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 46 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้ถือหุ้นของ CCP ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Pre-emptive Right) ในอัตราส่วน 11.8289 หุ้น CCP ต่อการใช้สิทธิซื้อหุ้น 1 หุ้นของ SMART สำหรับผู้ถือหุ้น CCP ที่มีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 8 ก.ย. 57 ซึ่งเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อ (Record Date) และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นวันที่ 9 ก.ย. 57 (ทั้งนี้ วันที่ 3 ก.ย. 57 เป็นวันสุดท้ายที่ผู้ถือหุ้น CCP จะได้สิทธิในการจองซื้อหุ้น SMART) และบริษัทจะนำหุ้นสามัญส่วนที่เหลือ จำนวน 69 ล้านหุ้นเสนอขาย IPO
วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ