นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทคาดว่าค่าระวางเรือเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 10,500-10,600 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน ซึ่งสูงกว่าภาพรวมตลาด เนื่องจากบริษัทมีการกระจายเส้นทางขนส่งทางเรือได้ค่อนข้างดี ประกอบกับ ได้เปิดออฟฟิศในหลายประเทศ ช่วยให้สามารถเลือกหาสินค้าที่ได้ผลตอบแทนดีในระยะเวลานั้นๆ
"ปีนี้เรากลับมามีกำไรในระดับที่สูงจากปีก่อนที่ขาดทุนถึง 5 พันล้าน จากการปรับโครงสร้างภายใน และในทุกธุรกิจเติบโตได้ค่อนข้างดีจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมอร์เมดที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการบริหารจัดการได้ค่อนข้างดีและทำได้ดีกว่าตลาดทำให้เรากลับมามีกำไรในระดับสูงได้"นายไกรลักขณ์ กล่าว
นายไกรลักขณ์ กล่าวต่อว่า บริษัทยังมองหาซื้อเรือเพิ่ม โดยตั้งเป้าจะมีกองเรือในปีนี้ทั้งหมดราว 25-26 ลำ แต่อย่างก็ตาม ต้องรอดูความเหมาะสมของราคาก่อน
สำหรับบริษัท PM Thoresen Asia Holdings (PMTA) ซึ่งทำธุรกิจปุ๋ยในเวียดนามนั้น คาดว่าจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นไฟลิ่ง และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก่อนปลายปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นกับภาวะของตลาดด้วย โดยคาดว่าจะมีการนำหุ้นออกมาเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ราว 35% ของทุนจดทะเบียนหลังเพิ่มทุน และจะเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นของ TTA ก่อน
"การที่เราเอา PMTA เข้าจดทะเบียนในตลาดไม่ใช่เพราะต้องการเงินเพิ่มแต่เราเอาเข้าตลาดเพราะอยากให้นักลงทุนเห็นถึงราคาหุ้นจริงๆ สำหรับการเสนอขายหุ้นเราจะเสนอกับผู้ถือหุ้นเดิมก่อนทั้งหมด โดยหากเหลือเราก็จะมากระจายให้นักลงทุนอื่น แต่เราเชื่อว่าผู้ถือหุ้นเดิมคงอยากได้ ซึ่งการเข้าตลาดนั้นเบื้องต้นเรามองว่าปลายปีนี้จะเข้าได้แต่เราก็ต้องดูภาวะตลาดก่อนถ้าดีก็ทันปลายปีนี้แน่นอน"นายไกรลักขณ์ กล่าว