บริษัทได้ลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์ในรูปแบบที่แตกต่างกัน 3 โครงการ คือ โครงการ บีไฮฟ์ (BEE HIVE) เป็นไลฟ์สไตล์มอลล์แห่งแรกในเมืองทองธานี ใช้งบประมาณในการพัฒนากว่า 800 ล้านบาท ให้บริการพื้นที่สำหรับร้านค้าพาณิชย์จำนวน 97 ยูนิต คลอบคลุมพื้นที่รวม 8,375 ตรม. สถาปัตยกรรมการก่อสร้างของโครงการฯ เป็นอาคารประเภทโลว์ไรส์ 2 ชั้น มีดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นรูปร่างของรวงผึ้งซึ่งสื่อถึงการเป็นจุดนัดพบที่คึกคักและสนุกสนาน ดีไซน์เน้นถึงความโปร่งโล่งและทันสมัย เพื่อสร้างทัศนียภาพให้เข้ากับบริเวณโดยรอบได้อย่างร่มรื่นลงตัว ความสะดวกสบายด้วยบริการที่จอดรถที่รองรับได้กว่า 600 คัน โครงการ บีไฮฟ์ พร้อมให้บริการแล้ววันนี้ด้วยร้านค้าชื่อดังและบริการที่หลากหลายสำหรับทุกคนในครอบครัว อาทิ ร้านอาหารนานาชาติ เสริมสวย ฟิตเนส สนามเด็กเล่น และ ท็อปส์ มาร์เก็ต ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองทองธานี
โครงการ ป๊อปปูล่า วอล์ค (Popular Walk) ตั้งอยู่ระหว่างป๊อปปูล่าคอนโดและธนาคารกสิกรสำนักงานใหญ่ ซึ่งมีประชากรใกล้เคียงกว่า 100,000 คน โครงการนี้ได้ออกแบบให้เป็นอาคารพาณิชย์ชั้นเดียว ใช้งบประมาณลงทุน 300 ล้านบาท ให้บริการพื้นที่ร้านค้าพาณิชย์จำนวน 100 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากการให้เช่าปีละ 50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการได้เช่าเต็มทุกยูนิตและเปิดให้บริการอย่างหลากหลายแล้ว อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ ร้านสะดวกซื้อ ร้านไอทีจากค่ายต่างๆ
โครงการ เอาท์เล็ท (Outlet) ใช้พื้นที่บริเวณชั้นล่างของอาคารจอดรถในร่ม 3 (Indoor Parking 3) ด้วยงบประมาณลงทุน 600 ล้านบาท สามารถรองรับที่จอดรถได้ถึง 3,000 คัน โดยตัวอาคารจะสร้างทางเดิน skywalk เชื่อมไปยังอาคารจัดงาน 1-8 เพื่อความสะดวกสบายสำหรับลูกค้าทุกท่าน โครงการเอาท์เล็ทประกอบไปด้วยร้านแบรนด์เนมชื่อดัง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากไมเนอร์ กรุ๊ป แอลเอ็มอี กรุ๊ป ไนกี้ อาดิดาส เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการขยายพื้นที่พรีเมียมเอ้าท์เล็ทแห่งนี้ให้กลายเป็นแหล่งช็อปปิ้งสำหรับนักช็อปยังได้เพิ่มร้านค้าแบรนด์ดังอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซีเอ็มจี เอ้าท์เล็ท ซุปเปอร์สปอร์ต เอาท์เล็ท รีบ็อก เอาท์เล็ท ตำรับไทย คอฟฟี่เวิลด์ เป็นต้น และนับเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่ ซุปเปอร์สปอร์ต ได้มาเปิดเอาท์เล็ทนอกห้างสรรพสินค้า
ปัจจุบันมีประชากรที่อยู่อาศัยกว่า 200,000 คน มีโครงการบ้าน และคอนโด มาเปิดตัวอยู่มากมาย ตลอดจนเพื่อรองรับคนทำงานจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาเปิดสำนักงานอาทิ ศูนย์ราชการ ธนาคาร บริษัทเอกชนต่างๆ รวมทั้งที่บางบริษัทได้ทำการขยายสำนักงานโดยสร้างอาคารใหม่สำหรับรองรับการเพิ่มของพนักงาน และเพื่อรองรับผู้มาเยี่ยมชมงานประชุมและนิทรรศการที่ อิมแพ็ค ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้าชมมากกว่า 15 ล้านคนต่อปี อีกด้วย
"บางกอกแลนด์ ไม่ได้เน้นการพัฒนาโครงการเพื่อผู้อยู่อาศัยเพียงเท่านั้น แต่บริษัทฯ ยังคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ผู้พักอาศัย ที่อยู่ในเมืองทองธานี และบริเวณโดยรอบเมืองทองธานี จึงได้เกิดเป็นโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์ คอมมิวนิตี้มอลล์ และอาคารพาณิชย์ ทั้ง 3 โครงการ และในอนาคตเราจะยังมุ่งมั่นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าต่อไป" นายปีเตอร์ กล่าว