สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย(29 ส.ค. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 73,438 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 51,015 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 69.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 17,419 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 23.7% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,952 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB236A และ LB21DA (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 8.8 ปี และ 7.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,002 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน)(CPALL198B) มูลค่า 1,034.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT155A) มูลค่า 336.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน)(CPALL218B) มูลค่า 216.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,586.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,904 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,768 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,155 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.03% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับลดลงในตราสารอายุ 3 ปีขึ้นไป ประมาณ 1-2 bps. นักลงทุนยังคงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจโลก ซึ่งล่าสุด ตัวเลขประมาณการ GDP ครั้งที่ 2 ของสหรัฐฯ ประจำไตรมาส 2/2014 เติบโตถึง 4.2% ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 3.9% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้ มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 1,155 ล้านบาท ทั้งนี้ ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้ ลดลง 2,872 ล้านบาท จาก 740, 326 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน เป็น 737,454 ล้านบาท (เฉพาะในเดือนสิงหาคม มี Fund Flow ไหลออกจากตลาดตราสารหนี้รวมทั้งสิ้น 41,017 ล้านบาท)