นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ TICON กล่าวว่า การจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT)เป็นการนำพื้นที่คลังสินค้าและโรงงาน 200,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่คลังสินค้า 1.5-1.6 แสนตารางเมตร และพื้นที่โรงงาน 4-5 หมื่นตารางเมตร ขายให้เป็นสินทรัพย์เพื่อจัดตั้งกอง REIT ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบไฟลิ่งของทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ในปี 58 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 6,000 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ก่อสร้างและขยายพื้นที่เช่าทั้งคลังสินค้าและโรงงาน ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าขยายพื้นที่เช่าในปีหน้าราว 2.5-3 แสนตารางเมตร โดยจะเน้นไปทางภาคตะวันออก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าที่ผ่านไม่ได้เกิดปัญหาน้ำท่วมหนัก ทั้งนี้ ในสิ้นปี 57 บริษัทจะมีพื้นที่เช่าทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 1.2-1.3 ล้านตารางเมตร จากปัจจุบัน 1.1 ล้านตารางเมตร
นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังของธุรกิจบริษัทเริ่มกลับมาดีขึ้น โดยในเดือน ส.ค.57 มีลูกค้าตัดสินใจเช่าพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานของบริษัทรวมกัน 30-40 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น น่าจะทำให้รายได้ในปีนี้าใกล้เคียงกับปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 6.68 พันล้านบาท แม้ว่าเดิมจะตั้งเป้าไว้เติบโต 5% จากปีก่อน เนื่องจากต้นปีบริษัทได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง
"หลังการเมืองสงบความมั่นใจของลูกค้าก็กลับมาดีขึ้น เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาลูกค้าตัดสินใจเช่าพื้นที่เรา 30-40 ราย ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากญี่ปุ่นที่ทำชิ้นส่วนรถยนต์ ส่วนครม.ใหม่ชุดนี้ ผมมองว่าจะทำให้นักลงทุนในเอเชียมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะนัหลงทุนญี่ปุ่น แต่นักลงทุนจากสหรัฐฯและยุโรปอาจจะชะลอการตัดสินใจเข้ามาลงทุนจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง"นายวีรพันธ์ กล่าว
สำหรับในปีนี้บริษัทมีการลดเป้าหมายการขยายพื้นที่ให้เช่าเป็น 70,000 ตารางเมตร จากเดิมที่ตั้งไว้ 100,000 ตารางเมตร เนื่องจากข่วงต้นปีได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง ประกอบกับ อุตสาหกรรมรถยนต์มียอดขายลดลง 30-40% ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจเช่าพื้นที่ของบริษัท ส่วนงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท และครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 3,500 ล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้เพื่อการก่อสร้างโรงงาน
นายวีรพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 58 เติบโต 10-15% จากการขยายพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น และแนวโน้มความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาดีขึ้น ทำให้อาจมีการตัดสินใจเช่าพื้นที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้ รวมไปถึงในปีหน้ายังมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ ราว 4-5 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีนี้