เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีความเป็นมืออาชีพสูง ในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจทันตกรรมแบบครบวงจรภายใต้รูปแบบศูนย์ทันตกรรม โดยมุ่งเน้นคุณภาพการให้บริการภายใต้ทันตแพทย์เฉพาะทาง ด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน และระบบความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นสำค
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 180 ล้านบาท บริษัทจะนำไปขยายศูนย์ทันตกรรม และนำเป็นเงินหมุนหมุนเวียน ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนสำหรับการขยายกิจการได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งจำนวน 100 ล้านบาทจากทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 70 ล้านบาทในปัจจุบัน โดยครอบครัวชัยวัฒน์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ร้อยละ 69.80
"เรื่องราคายืนเหนือจอง เรามีความมั่นใจมากว่าหุ้น LDC จะได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและมีราคายืนเหนือจองได้ จากความโดดเด่นทางธุรกิจการเป็นศูนย์ทันตกรรมรายแรกและรายเดียวที่ก้าวเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น เพราะการเข้ามาระดมทุนของเราในครั้งนี้ จะช่วยในเรื่องการขยายสาขา ที่เป็นตัวต่อยอดทางธุรกิจที่เราตั้งเป้าไว้ว่าจะขยายให้ครอบคลุมตามไปถึงหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดต่างๆ ตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการเจรจาทางธุรกิจอื่นๆ อีก เพื่อการเติบโตในธุรกิจศูนย์ทันตกรรมที่เป็นสากล นอกจากความพร้อมทางการเงินในการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องแล้ว บริษัทฯ ยังมีโอกาสศึกษาการขยายธุรกิจในช่องทางต่าง ๆ อีกด้วย จากปัจจุบัน LDC มีสาขาแล้วทั้งสิ้น 20 สาขา"ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซส โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า LDC พร้อมเดินหน้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งสถานณการณ์ทางการเมืองที่สงบนิ่งและชัดเจนเรื่องการมีผู้ปกครองประเทศอย่างเป็นทางการ รวมถึงสภาวะตลาดหุ้นที่ยังไม่มีปัจจัยอะไรเข้ามากระทบให้น่ากังวล
"ราคาไอพีโอที่ 1.50 บาท นั้น ผมมองว่าเป็นราคาที่เหมาะสมที่จะดึงดูดและสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น LDC ประกอบกับการมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและรายได้ที่มีโอกาสขยายตัวอีกมาก จากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในอนาคต รวมถึงจุดเด่นของธุรกิจในเรื่องมาตรฐานทางการรักษา และการบริการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา การเป็นศูนย์ทันตกรรมที่ครบวงจรและเน้นการให้บริการโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ทำให้ผมมั่นใจว่า หุ้น LDC จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังและจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี"นายสมภพกล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบมจ.แอลดีซี เด็นทัล มั่นใจว่าราคาหุ้นจะยืนเหนือราคาจองที่ 1.50บาทต่อหุ้นได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯเป็นที่สนใจของนักลงทุนเนื่องจากธุรกิจด้านทันตกรรมมีโอกาสเติบโตอีกมากจากความต้องการรับบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพระดับสูงขึ้น และLDC มีความพร้อมรองรับผู้ต้องการรับบริการทางทันต กรรม จากปัจจัยข้างต้นเหล่านี้เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ที่จะเข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อมองถึงการลงทุนในระยายาวกับ LDC และขอให้นักลงทุนมั่นใจว่า LDC จะยึดมั่นในการเป็นบรรษัทภิบาล และมั่นคงไว้ซึ่งจรรยาบรรณในการประกอบวิชาชีพ บริษัทฯ มั่นใจหลังเข้าทำการซื้อขาย LDC จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวังอย่างแน่นอน
เชื่อมั่นว่าหุ้น LDC ที่จะเข้าซื้อขายวันแรก 2 ก.ย. นี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดี เพราะได้รับแรงหนุนจากพื้นฐานธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต และช่วงเปิดจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค. ที่ผ่านมา นักลงทุนสนใจจองซื้ออย่างมาก และคาดว่าจะมีนักลงทุนจำนวนมากรอซื้อบนกระดาน
ประกอบกับผู้ร่วมจัดจำหน่ายทั้ง 5 ราย ประกอบด้วย บล.ฟิลลิป ให้ราคาเหมาะสมที่ 2.62 บาทต่อหุ้น, บล.โนมูระพัฒนสิน ให้ราคาเหมาะสมที่ 2.50 บาทต่อหุ้น, บล. เคจีไอ ให้ราคาเหมาะสมที่ 2 บาทต่อหุ้น, บล.ฟินันเซียไซรัส และบล.แอพเพิล เวลธ์ ให้ราคาเหมาะสมที่ 1.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาเหมาะสมเฉลี่ย 5 โบรกที่ 2.14 บาทต่อหุ้น สูงกว่าราคาจองซื้อไอพีโอที่ 1.50 บาทต่อหุ้น
เนื่องจาก อุตสาหกรรมทันตกรรมมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากแผนการขยายสาขาของ LDC อย่างต่อเนื่อง โดยการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จะสามารถทำให้ LDC ขยายสาขาได้รวดเร็วมากขึ้น จึงมองหุ้น LDC น่าสนใจ มีอัตราการเติบโตสูง อีกทั้งยังเป็นหุ้นทันตกรรมตัวแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai