“ยอดขายเราก็ปรับลดลงเป็น 300 ล้านเหรียญฯ จากเดิมที่ 320 ล้านเหรียญฯ เพราะว่าเรามีปัญหาการผลิตและการจัดหาวัตถุดิบ เนื่องจากโรงงานของเรายังมีการผลิตได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหลังจากโดนน้ำท่วม(เมื่อปลายปี 54) และคำสั่งซื้อในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาก็ยังไม่เข้ามามาก ทำให้กระทบยอดขาย แต่ทั้งปีนี้ก็ยังโตกว่าปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้วมียอดขายอยู่แค่ 260 ล้านเหรียญฯ"นางพิศมัย กล่าว
พร้อมกันนั้น บริษัทก็ได้ปรับลดงบลงทุนในปีนี้ลงมาเป็น 210 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้เบื้องต้นที่ 350 ล้านบาท เนื่องจากได้เลื่อนการนำเงินส่วนที่เตรียมไว้ใช้ซื้อเครื่องจักรใหม่ให้กับโรงงานแห่งที่ 2 ในปีนี้ออกไปเป็นปี 58 ซึ่งทำให้ในปี 58 บริษัทจะต้องมีงบลงทุนราว 300 ล้านบาท
ขณะบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 58 จะกลับมาเติบโตได้ที่ 15-20% จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มใหม่มากขึ้น จากอัตรากำลังการผลิตปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 85% จากปีก่อนที่มีอัตรากำลังการผลิตอยู่ที่ 70-75% โดยกลุ่มลูกค้าปัจจุบันยังเน้ยกลุ่มระดับไฮเอนด์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหากแบ่งตามประเภทสินค้า จะเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะกลุ่ม 59% ผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรม 35% ผลิตภัณฑ์ด้านอุปกรณ์การแพทย์ 5% และผลิตภัณฑ์สื่อสารผ่านระบบใยแก้ว 1% นางพิศมัย ยังเปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาการเข้าซื้อกิจการบริษัทต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 58 ขณะที่บริษัทมีแผนจะขยายสัดส่วนผลิตภัณฑ์ทางด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5% ให้เป็น 20-30% ภายใน 3 ปี
“ตอนนี้เรามี 1 ดีล M&A บริษัทต่างประเทศ ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นกลุ่มไหน แต่จะมีความชัดเจนออกมาในปี 58 นอกจากนี้เป้าหมายของเราอยากให้สัดส่วนรายได้ของเครื่องมืแพทย์เพิ่มเป็น 20% ภายใน 3 ปี จากตอนนี้อยู่ที่ 5% เรามองว่าเครื่องแพทย์เป็นสินค้าที่ให้มาร์จิ้นที่ดี ถ้ามีโอกาสซื้อกิจการเครื่องมือแพทย์ได้ ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ"นางพิศมัย กล่าว