"ในครึ่งปีหลังก็จะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการเรียงช่องและแจกกล่องทีวีดิจิทัล ซึ่งการแข่งขันธุรกิจทีวีดิจิทัลมีความรุนแรงอยู่แล้ว แต่คาดว่าจะไม่มากไปกว่านี้ และบริษัทเราเองก็มีความพร้อมและมีสื่ออยู่ในมือจึงมีความสามารถในการรับมือได้" นางสาวดวงกมล กล่าว
ทั้งนี้ NMG แจ้งว่าในงวดไตรมาส 2/57 มีกำไรสุทธิ 5.42 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.002 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 75.87 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท
นางสาวดวงกมล กล่าวว่า สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปีนี้จะมาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์ 49% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 57% ขณะที่ธุรกิจทีวีจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 42% จากปีก่อนอยู่ที่ 25% โดยมองว่าธุรกิจทีวีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากรายได้ค่าโฆษณาของโทรทัศน์ระบบดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง คือ เนชั่น 22 และ NOW 26 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งบริษัทยังมีแผนจะผลิตรายการสารคดีเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อผลิตสารคดีฉายในช่องของเครือเนชั่นเอง และขายลิขสิทธิ์ให้กับช่องอื่นๆ เพื่อจะเป็นการเพิ่มรายได้เข้ามาอีกทางหนึ่ง
ส่วนธุรกิจของมหาวิทยาลัยเนชั่นนัน นางสาวดวงกมล กล่าวว่า น่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นยังได้รับประโยชนจากนักศึกษาที่จะเป็นกำลังสำคัญในอนาคตที่จะเข้ามาร่วมงานกับบริษัท และในปัจจุบันนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเนชั่นได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้และฝึกอบรมวิธีการผลิตสื่อกับเครือเนชั่น เพื่อให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มมากขึ้นด้วย
สำหรับการเข้ามาถือหุ้น NMG ของ บมจ.วธน แคปปิตัล (WAT) จำนวน 250 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.57% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด โดยซื้อจาก บมจ.เอ็ม บี เค(MBK)นั้น นางสาวดวงกมล กล่าวว่า ไม่มีนัยสำคัญในการเข้ามาบริหารงาน และเชื่อว่าผู้ถือหุ้นเดิมต้องการขายหุ้นเพื่อทำกำไรเท่านั้น
"การที่ WAT เข้ามาถือหุ้น เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นการซื้อขายหุ้นกันเอง ระหว่างทางเขากับผู้ถือหุ้นเดิม คืออาจจะเห็นว่ามีกำไรแล้วจึงขายออก ไม่มีนัยสำคัญในการเข้ามาบริหารร่วม เรามองว่าการบริหารธุรกิจสื่อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย" นางสาวดวงกมล กล่าว