ส่วนปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้สูงขึ้นมาที่ 7 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังเร่งขยายตลาดในจีนอย่างต่อเนื่อง และมองว่าแนวโน้มความต้องการนำเข้าถ่านหินของจีนจะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จึงเชื่อว่าตลาดในจีนยังมีช่องว่างของการขยายตัวอีกมาก ขณะเดียวกัน ช่วงปลายไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นด้วย หลายประเทศจึงเพิ่มสต็อกสินค้าถ่านหินเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า
"ปีหน้าเรามองว่าความต้องการใช้ถ่านหินทั่วโลกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเราก็จะได้รับผลดีในส่วนนี้ รวมถึงเราจะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่จะเข้ามาในช่วงต้นปีด้วย สำหรับปีนี้เองเราก็ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 7 พันล้านบาท เพราะในช่วงครึ่งปีแรกเราก็เติบโตได้ค่อนข้างดี และในช่วงครึ่งปีหลังเราก็เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะไตรมาส 4 ที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างมากจากความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นในช่วงหน้าหนาว"นายลิขิต กล่าว
นายลิขิต กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 11-12% แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2/57 จะปรับลดลงไปเล็กน้อยจากการที่บริษัทได้เพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อใช้ในการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ และการเข้าหาลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น แต่เชื่อว่าแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
ขณะที่ทิศทางราคาถ่านหินในปีนี้คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 69-70 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยคาดว่าราคาจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 58 เป็นต้นไป เนื่องจากความต้องการถ่านหินจะเพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาถือว่าราคาผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว