ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดดแตะ 1,000 ล้านบาทภายในปี 60 จากปี 56 ที่ทำได้ 347.61 ล้านบาท พร้อมทั้งเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3-5% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นต้องไม่น้อยกว่า 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 13-15% โดยจะดำเนินกลยุทธ์การเติบโตก้าวกระโดดทุกรูปแบบ ทั้งการขยายสาขาและซื้อกิจการ เพื่อที่จะให้เกิด การประหยัดต่อขนาด (Economies of scale)
"ตอนนี้ขนาดของธุรกิจยังถือว่าเล็กอยู่ จึงทำให้มีมาร์จิ้นค่อนข้างต่ำ แต่พอเราได้เงินระดมทุนครั้งนี้ เราจะนำไปใช้ขยายกิจการเพื่อให้เกิด Economies of scale ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นเราเพิ่มขึ้น โดยเรามีแผนขยายสาขาอย่างน้อยปีละ 5 แห่ง"ทันตแพทย์ วัฒนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจรายได้ในปี 58 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% โดยจะมาจากการขยายสาขาครบ 25 แห่งในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมี 21 สาขา พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายขยายสาขาเป็นมากกว่า 40 สาขา ในปี 60 ฃ
พร้อมกันนั้น ทันตแพทย์วัฒนา กล่าวเสริมว่า ตนเองที่อยู่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายขายหุ้นออกอย่างแน่นอน แม้จะมีหุ้นที่ไม่ติดไซเรนท์ พีเรียด 14.5%
"ผมยืนยันว่าจะไม่ทิ้งธุรกิจอย่างแน่นอนเพราะเป็นคนสร้างขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะมีหุ้นที่ไม่ติดไซเรนท์ พีเรียด อยู่ก็ตาม หรือราคาจะขึ้นไปสูงแค่ไหน เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ประกอบกับมีการจ่ายเงินปันผลนโยบายไม่ต่ำกว่า 40% ซึ่งในอนาคตเราวางเป้าหมายจะป้าหมายจะเป็นบริษัทฯที่เติบโตก้าวกระโดดในทุกรูปแบบ" ทันตแพทย์วัฒนา กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซส โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (LDC) กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปสูงสุดถึง 200% ในวันนี้ เนื่องจากมีนักลงทุนสนใจหุ้น LDC เป็นอย่างมาก ขณะที่หุ้นที่เสนอขายครั้งนี้น้อยกว่าความต้องการ และบริษัทยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งหลังจากได้เงินระดมทุนครั้งนี้จะนำไปขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นธุรกิจที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องและมีความจำเป็นกับชีวิตประจำวัน
ขณะที่นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น LDC เปิดเผยว่า ราคาหุ้น LDC วันนี้แม้จะสูงกว่าราคาเหมาะสมปี 58 ที่มีการวิเคราะห์กันอยู่เฉลี่ย 2.14 บาท/หุ้น ซึ่งในระดับราคาปัจจุบันมี P/E อยู่ในระดับที่สูงมากกว่า 100 เท่า เป็นเพราะว่าธุรกิจของ LDC ยังไม่เคยมีมาก่อนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ mai ทำให้ไม่มีกลุ่มธุรกิจที่เปรียบเทียบได้ชัดเจน ซึ่งนักลงทุนคงจะมีมุมมองในตัวธุรกิจมากกว่าตัวเลขชี้วัดต่างๆ เพราะเป็นบริษัทฯที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดีเป็นธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ และมีแผนการที่จะขยายธุรกิจหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
"เรื่องราคาผมมองว่าเป็นมุมมองของนักลงทุนที่จะตีความกันอย่างไรในกรณีนี้ เนื่องจากธุรกิจของ LDC ยังไม่เคยมีมาก่อน การที่จะชี้วัดทางตัวเลขเปรียบเทียบอาจจะไม่ชัดเจนนัก นักลงทุนอาจจะมองถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตมากกว่า ประกอบกับจำนวนหุ้นที่เสนอขายน้อยกว่าความต้องการค่อนข้างมาก จึงทำให้ราคาซื้อขายวันแรกพุ่งไปถึงระดับ 200%" นายวิชา กล่าว