GCAP คงเป้ารายได้-พอร์ตสินเชื่อปีนี้,คุม NPL ไม่เกิน 7% หลังพุ่งไป 11%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 2, 2014 14:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.จีแคปปิตอล(GCAP)เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโตราว 15-20% ขณะที่พอร์ตสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 1 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 900 ล้านบาท ถึงแม้ว่าสินเชื่อรถใหม่จะลดลงจากปีก่อนราว 10-20% แต่บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ๆ มากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด บริษัทเซ็นสัญญากับ บริษัท ในนามีข้าว จำกัด เพื่อปล่อยสินเชื่อรถเกี่ยวนวดข้าวมือสอง โดยตลาดประเภทนี้มีมูลค่ารวม 200-300 ล้านบาท/ปี เพื่อให้สินเชื่อเครื่องจักรกลที่มีคุณภาพอายุไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.50% สูงกว่ารถมือหนึ่งที่อยู่ในระดบ 1.25% ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถแทร็กเตอร์อีก 2-3 ราย คาดว่าจะลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน(MOU)ในช่วงต้นไตรมาส 4/57 นี้

“ถึงแม้ว่าสินเชื่อรถใหม่จะลดลงถึง 10-20% แต่เราก็ได้ออกบริการสินเชื่อใหม่ๆออกมาเพื่อที่จะเพิ่มพอร์ตสินเชื่อให้มีการเติบโต ทั้งในส่วนของสินเชื่อเกี่ยวนวดข้าวมือสอง รวมไปถึงการเซ็น MOU กับบริษัทฯจำหน่ายรถแทร็กเตอร์ที่ปัจจุบันเราอยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 2-3 ราย ซึ่งจะทำให้รายได้ของเราเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้"นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในปีนี้ไว้ไม่เกิน 7% แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาอาจจะปรับตัวขึ้นมาบ้าง โดยสิ้นไตรมาส 2/57 สูงขึ้นไปถึงระดับ 11% และเชื่อว่าไตรมาส 3/57 จะเป็นช่วงที่ NPL อยู่ในระดับสูงสุด เนื่องจากเป็นช่วงหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว และเป็นหน้าฝน ทำให้เกษตรกรมีรายได้น้อยลง แต่เชื่อว่าในไตรมาส 4/57 ที่เป็นฤดูนาปี เกษตรกรจะกลับมามีรายได้มาขึ้นและชำระหนี้ได้ดีขึ้น

“NPL ในช่วงไตรมาส 2-3 นี้คงจะปรับตัวสูงขึ้นไปบ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงนาปีที่จะมีการเกี่ยวข้าวจะช่วยให้เกษตรกรมีเงินมาชำระหนี้ จะช่วยให้บริษัทฯมี NPL ที่ลดต่ำลงซึ่งก็จะทำให้ ณ สิ้นปีนี้ NPL เราอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้"นายสันติ กล่าว

สำหรับการที่กลุ่มบริษัท สองน้ำ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ได้ขายหุ้นของบริษัทฯออกมา ส่งผลให้สัดส่วนการถือครองหุ้นลดลงมาอยู่ที่ 30.5% อาจจะเป็นผลมาจากการที่หมดระยะเวลาการห้ามขายหุ้น แต่อย่างไรก็ตามยังมั่นใจว่ากลุ่มสองน้ำจะคงถือหุ้นใน GCAP ไม่ต่ำกว่า 30% อย่างแน่นอน และหากจะมีการขายออกมาอีก ก็เชื่อว่าจะมีการขายเพิ่มอีกเพียง 0.5% เท่านั้น

ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลธนาคารออมสินโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด และกองทุน ส่วนบุคคล United Overseas Bank Limited โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด มีการลดสัดส่วนลงมาอยู่ที่กองทุนละ 7.99% สำหรับในส่วนนี้เราไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีการขายหุ้นออกมาอีกหรือไม่

“ในส่วนของกลุ่มบริษัท สองน้ำ จำกัด เรามั่นใจว่าเค้าจะถือหุ้นในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 30 % แน่นอน แต่ในส่วนของกองทุนทั้ง 2 กองทุนนั้นเราไม่สามารถบอกได้ เพราะแต่ละกองทุนมีนโยบายไม่เหมือนกันก็ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุนนั้นๆ สำหรับการขายออกมาในครั้งนี้ เรามองว่าคงจะมาจากที่หมดระยะเวลาการห้ามขายหุ้น"นายสันติ กล่าว


แท็ก (GCAP)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ