แต่หลังจากการเมืองสงบลง ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนกลับคืนมา รวมถึงการดำเนินนโยบายต่างๆ ของภาครัฐช่วยให้ประชาชนมีเงินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ เชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPar)ของ CENTEL ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6-7% โดยเดือน ส.ค.57 มาที่อยู่ที่ 7% แล้ว จากต้นปีอยู่ที่ 4% ดังนั้น จึงมั่นใจว่าทั้งปีจะรักษากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1.3 พันล้านบาทได้
นายรณชิต กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโตตจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท แต่คงต้องติดตามสถานการณ์ในไตรมาส 4/57 นี้ก่อนว่าจะมีการเติบโตตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยว ขณะที่การเมืองคลี่คลายลงแล้วและเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จึงน่าจะมีโอกาสที่จะดีตามที่ประเมินไว้
สำหรับการขยายธุรกิจโรงแรมของ CENTEL นั้น บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาเข้าบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 10 แห่งช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโรงแรมภายใต้การบริหารเพิ่มเป็น 37 แห่ง นอกจากนั้น ยังเจรจาร่วมทุนหรือซื้อกิจการโรงแรมในพม่าอีก 1 แห่งก่อนภายในสิ้นปีนี้ จากที่มีอยู่ในมือ 2 แห่ง จากนั้นจะพิจารณาผลตอบแทนการลงทุนก่อนจะตัดสินใจลงทุนอีก 1 แห่งที่เหลือ
ด้านธุรกิจอาหารนั้น เมื่อการจับจ่ายใช้สอยฟื้นตัวขึ้นทำให้อาหารหลายแบรนด์ฟื้นขึ้นตาม หลังจากครึ่งปีแรกมีผลขาดทุนบ้าง โดยเฉพาะยอดขายของสาขาเดิมหดตัวราว 0.9% แต่ทั้งปีน่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีก่อนได้ ขณะที่บริษัทยังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าในปีนี้จะขยายสาขาเพิ่ม 75 สาขา ซึ่งครึ่งปีแรกขยายไปแล้ว 24 สาขา ดังนั้นหากรวมยอดขายของสาขาใหม่ก็น่าจะเติบโตได้ราว 8-10% ในปีนี้