แต่อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯยังมีรายได้ถึง 2.3 พันล้านบาท เนื่องจากตลาดในต่างประเทศยังมีการเติบโตได้เป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งในปีนี้บริษัทฯคาดว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ราว 13-14% จากปีก่อนอยู่ที่ 10% "รายได้ปีนี้เราก็พยายามที่จะรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อน หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย เพราะปกติแล้วครึ่งปีแรกจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของเรา แต่ได้รับผลกระทบจากการเมืองทำให้ยอดขายในประเทศไม่ดีนัก แต่ยอดขายในต่างประเทศยังเติบโตได้ค่อนข้างดี รวมถึงงานโครงการที่เราเข้าไปบุกมากขึ้นทำให้รายได้ในครึ่งปีแรกยังทำได้ 2.3 พันล้าน" นายสาธิต กล่าว
นายสาธิต กล่าวต่อว่า บริษัทฯจะพยายามรักษากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 451 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาทำได้ 223 ล้านบาท และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ไม่ต่ำกว่า 25% ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทฯได้เพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงมากขึ้น รวมถึงตลาดต่างประเทศที่เข้ามาช่วยให้มีกำไรเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับการเมืองที่คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น และปัจจุบันก็ได้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ก็เชื่อว่าการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ยอดขายในทุกๆภาคก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่มองว่ายอดขายในภาคใต้ยังไม่กลับมาฟื้นตัวมากนักเนื่องจากราคายางยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ จากก่อนหน้านี้ราคายางสูงถึง 170-180 บาท/กิโลกรัม แต่ปัจจุบันราคาเพียง 50-60 บาท/กิโลกรัม ส่งผลให้รากหญ้าไม่มีเงินที่จะมาจับจ่ายใช้สอยเหมือนก่อนหน้านี้