ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้ก็น่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นมาที่ 10.9% จากทั้งปี 56 ที่มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 9.4% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นครึ่งปีแรกอยู่ที่ 23% และทั้งปีน่าจะรักษาไว้ได้ไม่ต่ำกว่า 23-24% โดยผลประกอบการครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 484 ล้านบาทสูงกว่างวดเดียวกันปีก่อน
"ตัวเลขรายได้รวมน่าจะทะลุเป้าที่ 6.2 พันล้านบาท เพราะรายได้ครึ่งแรก 4,427 ล้านบาท รวมกับ backlog ที่รับรู้ครึ่งหลังอีก 2,023 ล้านบาท ก็ 6.4-6.5 พันล้านบาทแล้ว และยังมีเวลาอีก 3 เดือนกว่าที่จะมีงานที่ยื่นไปแล้วรอพิจารณาอีก คิดว่าจะมีตัวเลขที่เข้ามาเพิ่ม เพราะเป็นงานที่เราเลือกแล้ว ปีนี้แม้เป็นปีที่เศรษฐกิจแย่ ความวุ่นวายทางการเมืองเยอะ แต่เราก็ยังดีทะลุเป้าได้"นายศิริพงษ์ กล่าว
นายศิริพงษ์ เปิดเผยว่า บริษัทยังมีงานรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าอีกประมาณ 662 ล้านบาทหลังจากที่ยื่นประมูลราคาไปแล้ว ซึ่งงานนี้บางส่วนอาจเข้ามาเป็นรายได้ภายในปีนี้ แต่ส่วนใหญ่จะไปรับรู้ฯ ในปี 58 ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างรอยื่นประมูลงานอีก 930 ล้านบาทในปีนี้ และในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้บริษัทก็น่าจะมีงานเพิ่มเข้ามาเป็น backlog ของปีหน้า ซึ่งตั้งเป้าหมายจะพยายามหางานเพิ่มไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่าจะมีโครงการที่คาดว่าจะเข้าร่วมประมูลอีกราว 8,160 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานของลูกค้าเดิมเราที่จะขยายงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT), สำนักงานประกันสังคม, บมจ.กสท.โทรคมนาคม, บมจ.ทีโอที และ ธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งยังไม่รวมโครงการเมกะโปรเจ็กต์
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทจะเข้าสู่ธุรกิจประมูลงานด้าน IT ในพม่าและลาว หลังจากเข้าไปที่กัมพูชาผ่านทางบริษัทร่วมทุน SLA Asia ซึ่งมี บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART) ถือหุ้น 30% และ บมจ.ล็อกซเลย์(LOXLEY) กับ AIT Holding ถือหุ้น 60% และอื่นๆ 10% เบื้องต้นมอง 3 ประเทศนี้ก่อน ด้วยการไปกับพันธมิตร