สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย( 5 ก.ย. 57) มีมูลค่าการซื้อขายรวม 75,948 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 64,814 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 85.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,308 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 8.3% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 2,658 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB15DA และ LB176A (รุ่นอายุ 4.8 ปี, 1.3 ปี และ 2.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,397 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)(BAY152B) มูลค่า 391.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน)(PTTGC218A) มูลค่า 362.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน)(CPALL16OB) มูลค่า 339.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 1,092.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,323 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 16,743 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,117 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.01% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.07% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve นิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร โดยผลการประมูลพันธบัตรธปท. ที่ประมูลวันนี้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน 1.64 เท่าของวงเงินประมูลล่าสุดผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% เหลือ 0.05% รวมทั้งจะมีการออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดซื้อสุทธิ(NET BUY) เท่ากับ 1,117 ล้านบาท ทั้งนี้ยอด Holding ของนักลงทุนต่างชาติ ณ สิ้นสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้น 3,876 ล้านบาท จาก 737,454 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนเป็น 741,330 ล้านบาท