ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนเพิ่มทุนเพื่อใช้ลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 4/57 ทางบริษัทจะถือหุ้นในโครงการนี้ราว 55%
"เราอยู่ระหว่างศึกษาแผนการเพิ่มทุนเพื่อที่จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในพม่า เราคงจะสรุปได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ การเพิ่มทุนจะไม่กระทบกับผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน เพราะจากที่พูดคุยกับผู้ถือหุ้นเองก็มีความต้องการให้เพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบันสภาพคล่องของหุ้นเราค่อนข้างน้อย แต่ความสนใจของนักลงทุนในตัวหุ้นเราค่อนข้างมาก ในช่วงที่ผ่านมาเองก็มีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมาขอซื้อหุ้นเรา แต่เรายืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นในส่วนของเราออกมาอย่างแน่นอน"นางสาวชมเดือน กล่าว
เบื้องต้น TNDT มีนโยบายขยายฐานธุรกิจในเมียนมาร์ 3 โครงการ คือ โครงการเหมืองถ่านหิน โครงการเหมืองหิน และโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 20 เมกะวัตต์ บริเวณท่าขี้เหล็ก สหภาพเมียนมาร์ ซึ่งทั้ง 3 โครงการมีความคืบหน้าไปมาก โดยโครงการเหมืองหินและเหมืองถ่านหินเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปี 56 ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้ในช่วงปลายปี 58
"จะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ภายในปลายปีนี้ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่คาดไว้ และช่วงที่รอความพร้อมทางด้านการลงนามในเอกสาร ทางบริษัทฯ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญก็เริ่มเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ทีมงานและเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถเริ่มงานได้ทันทีเมื่อขั้นตอนด้านเอกสารครบถ้วน ซึ่งขณะนี้งานในพม่าถือว่าคืบหน้าไปมาก"นางสาวชมเดือน กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเข้าประมูลงานในโครงการตรวจสอบแท่นขุดเจาะ 2 โครงการมูลค่าราว 1 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอให้กระทรวงอุตสาหกรรม อนุญาติผู้ประกอบการจากประเทศออสเตรเลียเข้ามาลงทุนในไทย ทางบริษัทฯจึงจะสามารถเข้าไปประมูลได้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัตริในช่วงไตรมาส 4/57 นี้
นางสาวชมเดือน กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนได้ราว 10% หรือที่กว่า 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ราว 374 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ช่วงปลายปีนี้อีกกว่า 200 ล้านบาท และบริษัทจะเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาระดับ Backlog ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท
"เพื่อที่จะให้รายได้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเราจะรักษาระดับ Backlog ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และปีหน้าเราคงจะเห็นรายได้ที่เข้ามาจากการขายถ่านหินในประเทศพม่าเต็มปีในปี 58 ซึ่งจะทำให้รายได้ในส่วนนี้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ"นางสาวชมเดือน กล่าว
ในส่วนของกำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จากที่ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาทำได้แล้ว 50 ล้านบาท และคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นอีกตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิปีนี้ให้อยู่ในระดับ 23% ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยบริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับแรงงาน จากการนำแรงงานจากประเทศอินเดีย ปากีสถาน เข้ามาทดแทนแรงงานไทยที่ค่อนข้างขาดแคลนและมีการย้ายงานบ่อยครั้ง
ด้านธุรกิจให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลายซึ่งเป็นธุรกิจหลักในประเทศ กรรมการผู้จัดการ TNDT กล่าวว่า ยังคงมีทิศทางเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นต่อทุกอุตสาหกรรม ประกอบกับที่ผ่านมา TNDT ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆเป็นอย่างดี จึงทำให้งานในกลุ่มนี้สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งดังกล่าว โดยจะเห็นได้จากผลประกอบการในงวดครึ่งแรกของปี 2557 ที่ TNDT สามารถสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยกำไรสุทธิเติบโตมากกกว่า 56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน