ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังจะมีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาจดทะเบียนในตลาด mai อีกอย่างน้อย 2 บริษัท เช่น บมจ.ไทย โซลาร์ เอนเนอร์ยี่(TSE)มาร์เก็ตแคป 2,000 ล้านบาท, บมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้(JSP) มาร์เก็ตแคป 4,000 ล้านบาท หลังจากช่วงต้นปีมี บมจ.เอไอ เอนเนอร์จี(AIE)ที่มีมาร์เก็ตแคป 5,000 ล้านบาทเข้ามาจดทะเบียนแล้ว
"ก่อนหน้านี้เราตั้งเป้าจะมี IPO เข้าจดทะเบียน 16 บริษัท โดยคาดว่าจะมีมาร์เก็ตแคปบริษัทละ 500 ล้านบาท หรือราว 8 พันล้านบาท แต่ปัจจุบันหลังจากที่มี IPO เข้าตลาดไปแล้ว 9 บริษัท มีมาร์เก็ตแคบไปถึง 1.3 หมื่นล้านบาทแล้ว หลังจากนี้จะเข้ามาเพิ่มอีก 10 บริษัท คงจะทำให้มาร์เก็ตแคบปีนี้ขึ้นไปถึง 2 หมื่นล้านบาทได้" นายประพันธ์ กล่าว
สำหรับการซื้อขายหุ้นในตลาด mai ที่มีความร้อนแรงขึ้นในปีนี้นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า น่าจะเป็นผลมาจากการจัดงาน mai forum ที่มีผู้สนใจเข้ามาร่วมงานค่อนข้างมาก ประกอบกับ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาด mai ที่เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 20% เมื่อเทียบกับบริษัทใน SET ที่มีการเติบโตเฉลี่ยเพียง 13% ส่งผลให้มีนักลงทุนสนใจตลาด mai มากขึ้น ทำให้มูลค่าการซื้อขายต่อวันเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 พันล้านบาท จากเดิมอยู่ที่เพียง 2.3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายประพันธ์ แนะนำว่า การลงทุนควรจะมีการศึกษาพื้นฐานของบริษัทให้ดีก่อน รวมถึงแผนการเติบโตในอนาคตของบริษัทว่ามีความเหมาะสมในการลงทุนหรือไม่