ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 371,086 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 8, 2014 17:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ ( 1 – 5 กันยายน 25572557) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 371,086 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 74,217 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 20% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 76% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 281,551 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย(ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 39,853 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน(Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 11,989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB196A(อายุ 4.8 ปี) LB176A(อายุ 2.8 ปี)และ LB15DA(อายุ 1.3 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 12,984 ล้านบาท 6,432 ล้านบาท และ 4,753 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB14923A(อายุ 14 วัน) CB14D04B(อายุ 91 วัน) และ CB14O30A(อายุ 55 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 31,849 ล้านบาท 29,113 ล้านบาท และ 27,360 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย)จำกัด รุ่น TLT155A(AAA) มูลค่าการซื้อขาย 994 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) รุ่น TOP273A (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 758 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) รุ่น PTTGC218A(AA) มูลค่าการซื้อขาย 701 ล้านบาท

ราคาของพันธบัตรปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือผู้ซื้อจะได้ผลตอบแทน(Yield) เพิ่มขึ้น ประมาณ 0.02% - 0.06% ตามทิศทางของพันธบัตรสหรัฐ(US Treasury) ภายหลังสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนมีแนวโน้มคลี่คลายมากขึ้น โดยล่าสุดประธานาธิบดียูเครนและรัสเซียได้มีการเจรจาหารือกันผ่านทางโทรศัพท์เพื่อหาทางออกให้กับปัญหาความขัดแย้งในภาคตะวันออกของยูเครน บวกกับการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ(Beige Book) ของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ที่แสดงให้เห็นถึงการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลและมีแรงขายในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น US Treasury ส่งผลให้ราคาพันธบัตรสหรัฐฯลดลง และมีส่วนทำให้ราคาของพันธบัตรไทยปรับตัวลดลงตามไปด้วย ด้านผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) เมื่อวันที่ 4 ก.ย. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% สู่ระดับ 0.05% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจาก -0.10% เป็น -0.20% พร้อมระบุว่าจะมีการออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อขจัดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินฝืดและหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ

นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท(ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 4,922 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น(อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 5,402 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 480 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดขายสุทธิ 170 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ