"ที่เราตั้งใจรุกตลาดหลอด LED นับว่าดีเกินคาด เพราะหลังมีโฆษณาออกไปผู้บริโภครู้จักแบรนด์ L&E มากขึ้น รวมทั้งกระแสการตระหนักเรื่องการ ประหยัดพลังงาน และความคุ้มค่าของอายุการใช้ งานส่งผลให้มีการเปลี่ยนมาใช้หลอด LED มากเกินความคาดหมาย ผนวกกับ L&E มีข้อได้เปรียบกว่ารายอื่นๆ เพราะเรามีโรงงานผลิตหลอด LED เอง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดรวม"นายปกรณ์กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog)อยู่ที่ 900 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 70% และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีหน้า โดยบริษัทมองว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในแง่ของยอดขาย ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายเติบโตราว 17% และกำไรสุทธิเติบโต 22% เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนลงทุนสร้างศูนย์ค้าปลีกผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดแห่งใหม่ที่ เดอะ คริสตัล ราชพฤกษ์ มูลค่าลงทุนรวม 30 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.57
นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 58 จะเติบโตไม่น้อยกว่าปีนี้ หลังจากโรงงานผลิตหลอด LED แห่งใหม่ มูลค่าลงทุน 500-600 ล้านบาท ที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี แล้วเสร็จได้ทันไตรมาส 4/57 และจะเริ่มเดินเครื่องได้ในต้นปีหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านหน่วยต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 ล้านหน่วยต่อปี
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนต่างประเทศให้เป็น 7-10% ภายในปี 60 จากปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่ 4% ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ในปี 58 ทำให้บริษัทมองเห็นโอกาสขยายธุรกิจในอาเซียนมากขึ้น โดยจะมีการตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
สำหรับโครงการติดตั้งหลอดไฟ LED ทั่วประเทศของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขณะนี้ยังรอความชัดเจนจากภาครัฐ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าวทันที ส่วนโครงการนำร่องเปลี่ยนหลอด LED ชนิดโคมไฟถนน บริษัทได้รับงานมาแล้ว มูลค่า 100 ล้านบาท จำนวนหลอด LED 6,000 โคม คาดว่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/57 ราว 50 ล้านบาท และอีก 50 ล้านบาทจะรับรู้ฯ ในช่วงต้นปี 58