และ บริษัทยังมีแผนจะเปิดสาขาในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะเปิดได้ในช่วงไตรมาส 3/58 เนื่องจากเล็งเห็นว่าประเทศดังกล่าวมีศักยภาพในการเติบโต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมคัดเลือกพนักงานชาวเวียดนามมาเรียนรู้งานในประเทศไทยที่จะใช้ระยะเวลาราว 6 เดือนก่อนที่จะส่งกลับไปประจำที่เวียดนาม
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด(PP)จำนวน 17 ล้านหุ้นในช่วงเดือน ต.ค. นี้ โดยพันธมิตรที่เข้ามาจะช่วยส่งเสริมธุรกิจของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเจรจาสำเร็จจะช่วยให้บริษัทฯสามารถให้บริการแบบ One Stop Service
นายนรากร กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือ 320 ล้านบาทต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้กว่า 400 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 5% เนื่องจากช่วงไตรมาส 2/57 สถานการณ์ทางการเมืองยังส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการหลายรายชะลอการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์มีทิศทางดีขึ้น ค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็เริ่มกลับมาผลิตตามปกติแล้ว จากก่อนหน้านี้ที่ชะลอแผนลงทุนไว้ จึงทำให้คำคำสั่งซื้อเริ่มเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
บริษัทยังรอลุ้นผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังว่าจะออกมาเติบโตได้มากเพียงใดน และจะสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ เพราะจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมามีกำไรได้ หลังจากที่ครึ่งปีแรกขาดทุนราว 8 ล้านบาท โดยปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog)ราว 142 ล้านบาทส่วนใหญ่จะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาและรอเซ็นสัญญางานมูลค่า 136 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้เช่นกัน
"ปีนี้รายได้เราคงจะต่ำกว่าปีก่อนเพราะเราโดนผลกระทบจากการเมืองที่ทำให้ผู้ประกอบการมีการชะลอการลงทุนออกมาไป แต่ตอนนี้ผู้ประกอบการก็เริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรายังรอลุ้นครึ่งปีหลังว่าเราจะสามารถตัดงบประมาณที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และบริหารจัดการต้นทุนได้ดีอย่างที่คาดหรือไม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้บริษัทฯมีกำไรได้ในปีนี้ จากที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเราขาดทุน"นายนรากร กล่าว
ส่วนในปี 58 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดดขึ้นไปเป็น 800 ล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ Backlog จะเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทที่จะรับรู้รายได้เข้ามาในปีหน้า ประกอบกับการขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งอินโดนีเซียและอินเดียที่เริ่มมีคำมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าในตลาด 2 ประเทศนี้จะมีรายได้ราว 200 ล้านบาท รวมถึงธุรกิจ Automation ที่จะเข้ามาช่วยให้รายได้ของบริษัทฯมีการเติบโตขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายระยะยาวที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 พันล้านบาทในปี 59 หากสามารถเจรจากับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ
"จากธุรกิจใหม่ๆที่เข้ามา รวมถึงการขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆที่เริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% ใน 3 ปีข้างหน้า จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 10% ช่วยให้รายได้ของเรามีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะเป็นการสนับสนุนฐานรายได้ และกระจายความเสี่ยง ในขณะเดียวกันในปี 59 เรายังมั่นใจว่ารายได้จะขึ้นไปถึง 1.2 พันล้านบาทได้ หากเราสามารถเจรจากับพันธมิตรจากญี่ปุ่นได้สำเร็จ"นายนรากร กล่าว