กลยุทธ์การลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนภายในประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากแผนการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน ที่คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายในประเทศที่คาดว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งลงทุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากหยุดชะงักมาเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะไม่มีการประมูลโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ ในปีที่ผ่านมา ผู้รับเหมาทุกรายยังคงมีงานในมือ(Backlogs)ที่รับรู้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าความเสี่ยงด้านการตัดราคาเพื่อให้ได้รับงานก่อสร้างจะอยู่ในระดับต่ำ และมีมูลค่าพื้นฐานปัจจุบันที่น่าสนใจ
นายสมิทธ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้บริษัทประสบผลสำเร็จจากการบริหารจัดการกองทริกเกอร์หุ้นไทย 2 กอง โดยสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายพร้อมกันในวันที่ 3 ก.ย.ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ไทยแลนด์รีคอฟเวอรี่ ทริกเกอร์ 3x3 ฟันด์ (SCBTRTG) ถึงเป้าหมายแรก 3% เพียงไม่ถึง 30 วัน และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 4% พลัส 4% ฟันด์ เอ(SCBTG4P4A)ได้ตามเป้าหมาย 8% ก่อนครบอายุโครงการ
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากบริษัทฯ มีมุมมองเชิงบวกและให้น้ำหนักตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา จากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีอัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในระดับที่ดี รวมทั้งการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ส่งผลให้ผลตอบแทนกองทุนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ทั้งนี้ กองทุน SCBTRTG มีนโยบายการลงทุนในหุ้นแบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน และมีกลยุทธ์เชิงรุก (Active Managed) โดยการคัดเลือกหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ก่อน จากนโยบายเศรษฐกิจที่ส่งผลให้เกิดความมั่นใจในการบริโภคภายในประเทศ อาทิ กลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งยังสามารถใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดขาลงด้วย โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 9% ภายใน 9 เดือน โดยกำหนดทริกเกอร์ 3 ครั้งๆละ 3% ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นของกองนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนระหว่างทางเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนเข้าเงื่อนไขในแต่ละช่วงตามที่กำหนด
สำหรับกองทุน SCBTG4P4A จัดตั้งเมื่อเดือน พ.ย.56 เน้นการลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี และผู้จัดการกองทุนสามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในขณะนั้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนและคำนึงถึงความเสี่ยงเป็นสำคัญ โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 10 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้กองทุนดังกล่าวได้ทำผลตอบแทนทริกเกอร์ตามเป้าหมาย สามารถคืนเงินให้ผู้ถือหน่วยในครั้งแรกไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในอัตรา 4%
บริษัทฯยังมองว่าหุ้นไทยยังคงมีความน่าสนใจ เนื่องจากสภาพคล่องทั่วโลกยังมีอยู่สูง และอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ รวมทั้งความคืบหน้าจากนโยบายของรัฐบาลภายหลังจากมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ดีต่อไป