ส่วนพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่เกิดภาวะแล้งเช่นกันนั้น ได้ผันน้ำจากจากแม่น้ำบางปะกงเข้ามาเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ำบางพระที่มีความจุ 100 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำเพียง 25 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำหนองค้อ โดยในช่วงนี้ก่อนถึงเดือน ธ.ค.คุณภาพน้ำในแม่น้ำบางปะกงยังไม่มีรสเค็ม
นายวันชัย กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระยะเฝ้าระวัง ติดตามดูว่าในเดือน ก.ย.- ต.ค.จะมีฝนมากหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้งสองจังหวัด ประกอบกับลดการใช้ปริมาณน้ำลงจาก 8 แสนลบ.ม./วัน เหลือ 4 แสนลบ.ม./วัน ประกอบกับได้เร่งรัดงานวางท่อส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์ไปยังอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นเป็นกลางปี 58 จากแผนเดิมจะแล้วเสร็จในปี 59 เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมมั่นใจว่าจะมีน้ำเพียงพอ
ทั้งนี้ มาตรการผันน้ำใน 2 พื้นที่จะดำเนินการต่อเนื่องไปถึงเดือน ส.ค. 58 เพราะหลังจากเดือน ธ.ค.57 ไปจนถึงเดือน พ.ค.58 หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มก็อาจจะเกิดภาวะแล้งจัดได้ และหากน้ำในอ่างเก็บน้ำในบริเวณโดยรอบมีปริมาณไม่เต็มความจุอ่างก็จะยิ่งมีผลกรนะทบมากขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าความต้องการน้ำจะเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากขึ้นในปีหน้า
นายวันชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้และยอดขายน้ำในปีนี้จะเติบโตราว 5% จากปีก่อน และกำไรน่าจะสูงกว่าปีก่อน แม้ว่าการผันน้ำดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีต้นทุนค่าไฟเพิ่มขึ้น โดยในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค. 57 คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณกว่า 30 ล้านบาทที่บริษัทต้องรับภาระ อาจกดดันกำไรในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ในปีหน้าจะเจรจาให้กลุ่มอุตสาหกรรมจ่ายต้นทุนน้ำที่เพิ่มขึ้นจากการผันน้ำ เพราะบริษัทไม่ได้ปรับราคาค่าน้ำกับลูกค้า
สำหรับปี 58 คาดว่ารายได้และยอดขายน้ำของ EASTW จะเพิ่มขึ้น 6% ตามความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น
*รุกลงทุนอาเซียน
นายวันชัย กล่าวว่า บริษัทมองว่าพื้นที่จำหน่ายน้ำที่ปัจจุบันมีเพียง 2 พื้นที่ คือ ระยอง และชลบุรี เป็นข้อจำกัดการขยายตัวของธุรกิจ ดังนั้น จึงมองการขยายการลงทุนในกลุ่มอาเซียนเบื้องต้น 3 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว และกัมพูชา รวม 13 เมือง โดยในพม่ามี 4 เมือง ลาว 3 เมือง และ กัมพูชา 6 เมือง ทั้งหมดนี้จะร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นพัฒนาระบบน้ำประปา และผลิตน้ำ รวมถึงการจ่ายน้ำ
สำหรับโครงการในพม่า ขณะนี้บริษัทได้ทำการศึกษามาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน และคาดว่าจะใช้เวลาอีก 2 เดือนที่จะสรุปผล จากนั้นจะเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นให้เข้ามาร่วมทุน ส่วนในลาวจะเข้าไปในลักษณะร่วมลงทุน (Joint Venture) ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ และกัมพูชานั้น บริษัทได้ทำ Letter of Intent แล้วและเพิ่งเริ่มศึกษาในเดือน ก.ย.57 คาดว่าอีก 3-4 เดือนน่าจะสรุปผลได้
"การลงทุนใน 13 เมือง 13 โครงการ คาดว่าน่าจะใช้งบลทุนมากกว่า 3 พันล้านบาท โดยเงินลงทุนใช้งบ 300-400 ล้านบาทต่อโครงการ พื้นที่ใน 3 ประเทศนี้ยังมีโอกาสพอสมควรในการเข้าไปทำธุรกิจ ในโครงการที่พม่า อีก 2 เดือนผลการศึกษาก็จะเสร็จและขึ้นกับรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งถ้าตกลงกันได้จะให้สัมปทานยาว 60 ปี"นายวันชัย กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการลงทุนอ่างเก็บน้ำใน จ.พังงา และวางท่อส่งน้ำไปยัง จ.ภูเก็ต ใช้งบลงทุนประมาณ 1.4-1.5 พันล้านบาท เพราะปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทำให้ความต้องการใช้น้ำในภูเก็ตและพังงาเพิ่มสูงขึ้น โดยระหว่างนี้บริษัทเจรจากับการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) และ องค์การบริหารส่วนตำบล คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้