TKS คาดปีนี้กำไรนิวไฮ, เจรจาร่วมทุนตั้งโรงพิมพ์ในพม่า-เขมร-เวียดนาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 10, 2014 15:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.ศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ที.เค.เอส.เทคโนโลยี (TKS) กล่าวว่า กำไรสุทธิในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่ 15% ไปที่ 1.7 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.58 พันล้านบาท หลังจากยอดออร์เดอร์ของลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้เป็นหมือนทุกปีที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจสิ่งพิมพ์ ทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีจะดีกว่าครึ่งปีแรกทั้งรายได้และกำไร

ทั้งนี้ TKS และบริษัทย่อยแจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/57 มีกำไรสุทธิ 74.49 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 50.07 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งแรกของปี 57 มีกำไร 184.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดครึ่งแรกของปี 56 ที่มีกำไร 124.67 ล้านบาท

ในปี 57 บริษัทจะรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ(Backlog)ทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบัน 300 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4/57 ประกอบกับ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ของบริษัทที่เริ่มมาจากไตรมาส 3/57 ได้รับผลตอบรับอย่างดี โดยได้รับออร์เดอร์จากลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นภาครัฐเข้ามามาก ซึ่งจะรับรู้รายได้ภายในปีนี้เช่นกัน

น.ส.ศิริวรรณ กล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นถึงการต่อยอดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงได้มีการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A)บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจาอยู่ 1-2 ราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้

“เราเห็นถึงการตอบรับจากไลน์ Packaging ที่เราเริ่มมาในไตรมาส 3 ปีนี้ มีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่ง ไลน์นี้จะทำรายได้ในบริษัทในปีนี้ราว 20 ล้านบาท เราก็อยากต่อยอดให้มีการเติบโตไปอีก ซึ่งเราก็มีการมองการทำ M&A เป็นทางเลือกที่เราสนใจ เราก็มีคุยกับธุรกิจที่ทำบรรจุภัณฑ์ในประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาทต่อปี เราคุยๆอยู่ 1-2 ราย แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะจบเมื่อไหร่ ถ้ายังไม่จบเราก็อาจจะมีการซื้อเครื่องจักรของไลน์นี้เข้ามาใช้ก่อน โดยงบลงทุนปีหน้าวางไว้ราวๆ 100 ล้านบาท ใกล้ๆกับปีนี้"น.ส.ศิริวรรณ กล่าว

ด้านนายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส TKS กล่าวว่า บริษัทเจรจากับพันธมิตรในประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนามเพื่อร่วมทุนตั้งโรงพิมพ์ โดยมองว่านอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้จากต่างประเทศแล้ว ยังช่วยประหยัดต้นทุนค่าธรรมเนียมและภาษีที่ต้องจ่ายในการส่งออกสิ่งพิมพ์ไปให้ลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีข้อสรุปอย่างน้อย 1 รายในช่วงปลายปี 57 ถึงต้นปี 58

“เราก็มีงานจากลูกค้าต่างประเทศเข้ามา แต่เราผลิตและส่งไปมันมีต้นทุนที่เป็นค่าธรรมเนียมและค่าภาษีที่มองว่ามันไม่ค่อยประหยัด จึงเข้าไปคุยกับพันธมิตรในเมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนามเพื่อร่วมทุนตั้งโรงพิมพ์ เพราะมองว่าจะเป็นการช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียมและภาษีได้ และช่วยให้มีมาร์จิ้นที่ดีขึ้น คาดว่าช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าจะมีข้อสรุปของการร่วมทุน 1 ประเทศออกมา

การที่เราตัดสินใจเข้าไปร่วมทุนเพราะเราอยากปรับเปลี่ยนกลยุทธ์บางอย่างเพื่อให้ยอดขาย Export เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนยอดขาย Export อยู่ที่ 2% พอเราไปตั้งโรงพิมพ์ในต่างประเทศแล้วเราคาดว่าสัดส่วนมันจะก้าวกระโดดขึ้น อาจจะไปถึงระดับ 10% ก็เป็นได้"นายสมคิด กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ