SITHAI ลดเป้ารายได้ปีนี้ลงเหลือ 1.4 หมื่นลบ.จากเดิมคาดที่ 1.5 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 11, 2014 13:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้ลงเหลือ 1.4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 56 ที่มีรายได้อยู่ที่ 9,554.43 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง ส่งผลต่อกำลังซื้อ แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลังแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกได้ เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากรัฐบาลมีการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่บริษัทฯจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ในปีนี้ไว้ให้อยู่ที่ 19-20%

สำหรับปี 58 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 12% จากปีนี้ ได้รับผลบวกจากยอดขายในประเทศและต่างประเทศที่เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่กว่า 70% และต่างประเทศอยู่ที่ 26% รวมถึงโรงงานฉีดขวดพลาสติกในประเทศอินเดียที่จะสร้างเสร็จในปีหน้าก็จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ในปลายปี 58 ประกอบกับบริษัทฯจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นซุปเปอร์เมลามีน ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 30%

บริษัทยังคาดว่าในปี 63 รายได้จะเติบโตแตะ 20,000 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจเดิม และการเข้าไปซื้อกิจการใหม่ในธุรกิจที่บริษัทฯมีความถนัด ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดดังกล่าว

นายสนั่น กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 58 ไว้ราว 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงาน 2 แห่ง ในประเทศเวียดนาม คือ โรงงานผลิตฝาปิดขวด ในเมืองฮานอย ที่มีเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ใช้งบลงทุนราว 250-300 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงปลายปี และก่อสร้างโรงงานผลิตเมลามีน ที่เมืองโฮจิมินทร์ เพื่อย้ายโรงผลิตเมลามีนเดิม 2 แห่ง ที่เป็นพื้นที่เช่าระยะเวลา 4 ปี ซึ่งขณะนี้มีการขยายพื้นที่เต็มแล้ว จึงต้องมีการหาพื้นที่ใหม่ โดยพื้นที่ใหม่จะสามารถรองรับกำลังการผลิตได้ 2-3 เท่าตัว คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท

ส่วนแผนการนำ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เวียดนาม มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ และน่าจะเข้าจดทะเบียนในตลท.ได้อีก 2 ปีข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ