ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) ก็น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 56 ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 8.76% โดยปัจจุบันลดลงอยู่ที่ระดับ 4.91% เป็นผลจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว กดดันภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ และมองว่าขณะนี้ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นมากนัก ขณะที่บริษัทก็พยายามลดค่าใช้จ่ายทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น การจัดซื้อวัตถุดิบจากในประเทศมากขึ้น และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม มองว่าในปี 58 อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทที่จะมีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ขณะที่ค่ายรถยนต์ยังคงใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก โดยมีทั้งผู้ผลิตรายเดิมลงทุนขยายการผลิต และผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาเปิดโรงงานผลิตมากขึ้น รวมถึงจะได้รับอานิสงค์จากโครงการรถรุ่นใหม่ อย่าง โครงการ ECO Car 2 โดยบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ 200 ล้านบาท/ปีเพื่อลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ และขยายพื้นที่โรงงานอีกประมาณ 40% เพื่อให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากการขายสายควบคุมสำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชุดควบคุมรางกระจกหน้าต่างรถยนต์ในต่างประเทศ 5% และในประเทศ 95%