นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น บมจ.เอฟโวลูชั่น แคปปิตอล(E), บมจ.ณุศาศิริ(NUSA), บมจ.ระยองเพียวริฟายเออร์(RPC), บมจ.รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(RASA), บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL), บมจ. แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น(MAX), บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี(EE), บมจ.เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้(KC), บมจ.แอสเซท ไบร์ท(ABC), บมจ.เอส พี วี ไอ(SPVI)และบมจ.ซีออยล์(SEAOIL) มีโอกาสจะเข้าข่ายต้องใช้เกณฑ์ให้สมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อ(Cash Balance)โดยคาดว่าจะเริ่มใช้วันที่ 15 กันยายนนี้ และใช้ต่อเนื่องไป 6 สัปดาห์ และมีรายละเอียด ดังนี้
หลักทรัพย์ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน Turnover list P/E (ล้านบาท) (%) (เท่า) E 443.13 246.84 ขาดทุน NUSA 321.00 73.78 ขาดทุน RPC 117.19 73.61 ขาดทุน RASA 125.12 47.56 ขาดทุน BMCL 1,341.93 43.20 ขาดทุน MAX 317.57 41.48 ขาดทุน EE 336.36 152.09 214.83 KC 257.64 309.57 159.82 ABC 155.20 74.88 90.19 SPVI 296.39 354.88 48.14 SEAOIL 747.68 379.37 43.85