อย่างไรก็ตาม แนวโน้มครึ่งหลังน่าจะดีกว่าครึ่งแรกจากเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว โดยเฉพาะไตรมาส 4/57 เชื่อว่าจะดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบกับเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสัญญาณที่ดีหลายด้านเริ่มกลับมา กำลังซื้อมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะงบประมาณภาครัฐกลับมาจับจ่ายได้ ซึ่งธุรกิจของ BJC ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ sentiment เมื่อความเชื่อมั่นกลับมาในไตรมาส 3/57 จึงส่งผลบวกต่อสินค้าหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเวชภัณฑ์ แต่ในส่วนสินค้ากลุ่ม Consumer ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน เชื่อว่าไตรมาส 4/57 ที่เข้า High Season น่าจะกลับมาเต็มที่
"เดิมมองยอดขายปีนี้โต 20% แต่คงพลาดเป้าอยู่แล้ว น่าจะต่ำเป้าเพราะครึ่งแรกกระทบ แต่ก็จะพยายามเอาคืนในไตรมาส 3-4 นี้ ก็ยังคงเป้าที่ทั้งปีจะโต 2 หลักได้ โดยไตรมาส 4/57 ดีกว่าปีที่แล้ว เพราะไตรมาส 4/56 เป็นปีที่เศรษฐกิจไทยชะลอ ตอนนี้เวชภัณฑ์ดีกว่าครึ่งแรก หลังจากยอดเดือนส.ค.เห็นกลับมาแล้ว แต่ในกลุ่ม Consumer รอดูเดือน ต.ค.ซึ่งเป็นต้นไตรมาส 4 ก่อน แต่เชื่อว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะกลับมา"นายอัศวิน กล่าว
อนึ่ง ปี 56 บริษัทมีรายได้รวม 42,904 ล้านบาท งวด 6 เดือนแรกปี 57 รายได้รวมที่ 21,738 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในไตรมาส 4/57 บริษัทมีแผนจะเปิดช่องทางขายสินค้าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต(อีคอมเมิร์ซ) เป็นช่องทางการขายใหม่ ทั้งสินค้าประเภทเครื่องสำอางค์ สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งจะใช้เป็นช่องทางหนึ่งในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มเป็นการทดลองตลาด เพราะตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากที่เคยซื้อหน้าร้านก็หันมาซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
นายอัศวิน กล่าวอีกว่า บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าภายในปีนี้ แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะปรับตัวสูงขึ้นหลายอย่าง อย่างเช่น มันฝรั่ง และน้ำตาล ซึ่งครึ่งปีแรกปรับขึ้นเฉลี่ยราว 10% แต่บริษัทจะหันไปเน้นการบริหารเพื่อปรับลดตนทุนแทน อย่างมันฝรั่ง ก็ไปผลิตมันฝรั่งทอดกรอบที่โรงงานผลิตในมาเลเซียและส่งกลับมาขายในประเทศไทย การที่เรามีโรงงานผลิตหลายแห่งก็ช่วยได้
และ ในอนาคตบริษัทก็จะพยายามปรับแบรนด์สินค้าของเราให้กระชับมากขึ้น โดยจะเน้นแบรนด์ที่มียอดขายดีและได้รับความนิยม