ส่วนโครงการที่ 3 คือ โครงการไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท อีสท์เกสท์ มูลค่าโครงการ 2.61 พันล้านบาท และ 4.โครงการไอดิโอ โมบิ วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ มูลค่าโครงการ 1.82 พันล้านบาท ทั้งนี้บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้ง 4 โครงการอย่างยิ่งใหญ่และเปิด Pre-Sale พร้อมกันในวันที่ 16-19 ต.ค. 57 ที่แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน
นายชานนท์ กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในปีนี้จะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.15 หมื่นล้านบาท โดยมาจากการคาดหวังยอดขายจากโครงการคอนโดใหม่ที่จะเปิดตัวในเดือนต.ค.นี้ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการแอชตัน อโศก, โครงการไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี, โครงการไอดิโอ โมบิ สุขุมวิท อีสท์เกสท์, โครงการไอดิโอ โมบิ วงศ์สว่าง อินเตอร์เชนจ์ มูลค่ารวมกว่า 1.45 หมื่นล้านบาท โดยจะคิดเป็นยอดขายในปีนี้ประมาณ 40% หรือ ราว 6 พันล้านบาท
ประกอบกับภาพรวมของประเทศในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองมีความสงบเรียบร้อย ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาฟื้นตัวเพิ่มสูงขึ้น การตัดสินใจซื้อของลูกค้าเริ่มกลับมาหลังจากครึ่งปีแรกการตัดสินใจซื้อมีการชะลอตัว ทั้งนี้บริษัทมียอดขาย 8 เดือนแรกของปี 57 อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท
“ตอนนี้จังหวะของตลาดอสังหาฯอยู่ในช่วงที่ดี หลังจากการเมืองมีความสงบลง เราเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีดกลับขึ้นมาแรง การตัดสินใจซื้อของลูกค้าก็กลับมาดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก กำลังซื้อเริ่มกลับมาและดีขึ้น กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อกับเราก็มีศักยภาพ อัตราการ Reject แทบจะไม่มี โดยเฉพาะโครงการ IDEO ที่ไม่มีการ Reject จากทางแบงก์เลย เรามั่นใจยอดขายเราจะเกินเป้าที่ตั้งไว้ เพราะคอนโดฯใหม่ 4 โครงการ ที่มีทำเลที่เป็นทำเลศักยภาพจะได้รับการตอบรับที่ดี สร้างยอดขายได้ 40% ของ Value โครงการ 1.45 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 6 พันล้านบาท ก็ทำให้ Achieve เป้ายอดขายที่ตั้งไว้ในปีนี้ได้"นายชานนท์ กล่าว
สำหรับรายได้ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าเดิมที่ 9 พันล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในครึ่งปีหลังกว่า 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมีการทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 59 ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้รวมในครึ่งปีแรกของปี 57 อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น คือ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง เรสซิเดนท์เชียล จำกัด ราว 400 ล้านบาท ในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 2.3 พันล้านบาท อายุ 3 ปี เพื่อนำมาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต และทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมมูลค่า 2.6 พันล้านบาท ที่หมดอายุไปเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้บางส่วนไปชำระหนี้ เพื่อรักษาระดับอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1 เท่า โดยครึ่งปีแรกของปี 57 ระดับ D/E ของบริษัทอยู่ที่ 1.66 เท่า ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทชุดใหม่จะออกจำหน่ายในเดือนต.ค.นี้ และในสัปดาห์หน้าจะมีการสรุปอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้ชุดดังกล่าว