สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 74,036 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 35,543 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 48.0% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ ตั๋วเงินคลัง มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 26,949 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 36.4% ทางด้านหุ้นกู้เอกชนมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 909 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A(รุ่นอายุ 4.8 ปี, 2.8 ปี และ 0.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,773 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน)(AP159A) มูลค่า 116.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด(มหาชน)(UMI177A) มูลค่า 116.0 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน)(CPF14NA) มูลค่า 54.9 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 287.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,965 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,896 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -619 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.02% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.08% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้น 1-3 bp. ในตราสารรุ่นอายุ 3 ปีขึ้นไป ปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่มาจากตั๋วเงินคลังที่ประมูลในวันนี้ ด้านนักลงทุนยังคงรอผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการ QE รวมทั้งผลการประชุม กนง. ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์นี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 619 ล้านบาท