สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 85,597 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 67,163 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 78.5% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,149 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.5% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,569 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB196A และ LB21DA(รุ่นอายุ 0.7 ปี, 4.8 ปี และ 7.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,493 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีผู้ค้ำประกันของบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี(ไทย) จำกัด(ICBCTL175A) มูลค่า 190.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด(TLT155A) มูลค่า 174.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน)(BCP174A) มูลค่า 163.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 527.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.6% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 17,972 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,181 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 340 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.02% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.06% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ของไทยปรับลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ US Treasury อายุ 10 ปีขึ้นไป ปรับลดลงประมาณ 3 bps. นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตาการประ ชุม FOMC เพื่อรอการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่แน่ชัดของธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) และติดตามการประชุม กนง. วันพรุ่งนี้ซึ่งคาดว่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2% สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 340 ล้านบาท