โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวใช้ชื่อว่า บริษัท ดีแอนด์ดับบลิว (เอเชีย) จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 50 : 50 กับพันธมิตรจากประเทศพม่า ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีงานในมือค่อนข้างมาก จึงจะเป็นฐานสำคัญในการขยายตลาดพม่าที่กำลังเติบโต
ด้านนายสุเรซ ซูบรามาเนียม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแอนด์ดับบลิว (เอเชีย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้มีพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างบริษัทกับบริษัท โฮม คอนสทรัคชั่น จำกัด (ประเทศพม่า) ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างในประเทศพม่า ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่ในมือค่อนข้างมากและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในอย่างระบบประตูหน้าต่างซึ่งใช้กับอาคารสูง
อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ทำการค้ากับทางโฮมฯ มาเป็นระยะเวลาหนึ่งซึ่งทางโฮมฯ เองก็เป็นลูกค้าและคู่ค้าที่ดี ดังนั้นจึงมีความคิดเห็นที่ตรงกันในการที่จะทำการค้าระร่วมกัน จึงได้ตกลงและมีการลงนามระหว่างกันเพื่อที่จะนำเอาสินค้าของทางบริษัทฯ ไปขายยังประเทศพม่า โดยผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่จะนำไปเจาะตลาดพม่านั้น จะเน้นสินค้า แบรนด์เฟลทเชอร์ และระบบประตูหน้าต่างที่เหมาะสำหรับอาคารสูง และมีราคาไม่แพงมากนัก เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับการใช้กับอาคารสูง คอนโดมิเนียม และบ้านพักตากอากาศเป็นหลัก
“การขยายตลาดในเมียนมาร์เป็นการเพิ่มช่องทางการขาย และสร้างแบรนด์เฟลทเชอร์ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักไปทั่ว เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้เข้าไปเจาะตลาดในพม่า แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ซึ่งการเซ็น MOU ในครั้งนี้ ก็คาดว่าจะเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่และขยายฐานตลาดได้กว้างมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีบริษัทคู่ค้า (พาร์ทเนอร์) ประมาณ 8 ราย ทั้งในและต่างประเทศ สำหรับการขยายตลาดไปยังประเทศอื่นนั้น ขณะนี้กำลังศึกษาตลาดการกระจายสิ้นค้าไปที่กัมพูชา และประเทศอื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน" นายสุเรซ กล่าว
นายสุเรซ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดในประเทศนั้น จะเน้นการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ประตูบานเลื่อน ภายใต้ชื่อ “ยูโรแสตกเกอร์ ฟลัช ซิล" (Eurostacker Flush Sill) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาระบบรางของประตูบานเลื่อนแบบดั้งเดิมที่มักมีปัญหาในการใช้งาน และไม่ทนทาน โดยเน้นลูกค้าประเภทบ้านพักอาศัยที่ต้องการประตูบานเลื่อน ซึ่งสามารถเห็นมุมมองได้กว้างขึ้นและมีคุณภาพสูง โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ประมาณ 18 – 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปีนี้น่าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะโตกว่าปีที่แล้ว 100 % เนื่องจากบริษัทฯ เน้นขายผลิตภัณฑ์เฟลทเชอร์เป็นหลัก และอาศัยคู่ค้าสำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย สำหรับสัดส่วนการขายสินค้าระหว่างในประเทศและต่างประเทศ น่าจะอยู่ที่สัดส่วน 80 : 20% นอกจากนี้ ในส่วนของยอดขายบริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายเติบโตประมาณ 30%
อนึ่ง บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากเฟลทเชอร์ อลูมิเนียม นิวซีแลนด์ (Fletcher Aluminium New Zealand) ซึ่งมีความชำนาญและมีชื่อเสียงเกี่ยวกับประตู และหน้าต่างอลูมิเนียมมามากกว่า 70 ปี และในขณะนี้ผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าประเภทโรงแรม รีสอร์ท อาคารสูง คอนโดมีเนียม บ้านพักอาศัยและบ้านพักตากอากาศ