นายเชนินทร์ เชน กรรมการผู้จัดการ บมจ.ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ (RWI) กล่าวว่า ราคาหุ้น RWI ขึ้นไปซิลลิ่งที่ 4.80 บาทตั้งแต่เปิดเทรดในวันแรกที่เข้าตลาดฯ มองว่ามาจากนักลงทุนมีความไว้วางใจและให้การตอบรับหุ้นของบริษัทเป็นอย่างดี เนื่องจากมีความเชื่อมั่นพื้นฐานของบริษัทมีความแข็งแกร่ง และการเติบโตของบริษัทเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยมองเห็นแนวโน้มการเติบโตในอนาคตจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของภาครัฐที่จะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องและเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจ ซึ่งบริษัทก็ได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐด้วยเช่นกัน
"จริง ๆ ก็มีหลายอย่างที่ทำให้ราคาขึ้นไปชนซิลลิ่งเมื่อเปิดทำการซื้อขาย ส่วนหนึ่งก็มาจากกระแสของตลาด mai ที่มาค่อนข้างแรง และนักลงทุนที่มองเห็นพื้นฐานของบริษัทเราที่แข็งแกร่ง บริษัทมีอนาคตที่ดีจากความเชื่อมั่นของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลมีการผลักดัน ซึ่งเริ่มเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการเริ่มมีมากขึ้น บริษัทเราก็ได้รับประโยชน์ตรงนี้ไปด้วย และเราเองก้มีการเติบโตไปตามเศรษบกิจของประเทศ ซึ่งในอนาคตเราก็ยังศักยภาพในการเติบโตอยู่"นายเชนินทร์ กล่าว
ส่วนเงินที่ได้จากเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนในครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านบาท บริษัทจะนำไปซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเหล้กในปี 58 เป็นเท่าตัว จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตเหล็กอยู่ที่ 3,000 ตันต่อเดือน โดยคาดว่าสิ้นปี 58 กำลังการผลิตเหล็กของบริษัทจะเพิ่มเป็น 5,000-6,000 ตันต่อเดือน ทั้งนี้การเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยเสริมศักยภาพในการเติบโตของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นในอนาคต
กรรมการผู้จัดการ RWI คาดว่า ในไตรมาส 3/57 กำไรสุทธิจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/57 เนื่องจากภาครัฐมีการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเริ่มมีการเบิกใช้งบประมาณต่างๆ ซึ่งทำให้ความมั่นใจของภาคเอกชนเริ่มกลับมามากขึ้นว่าภาครัฐจะมีการเดินหน้านโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจริง ทำให้ราคาขายเหล็กลวดในไตรมาส 3/57 คาดว่าจะกลับมาอยู่ที่ที่ 33 บาทต่อกิโลกรัม หลังจากไตรมาส 2/57 ราคาขายเหล็กลวด ลดลงมาอยู่ที่ 32 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/57 ลดลงมาอยู่ที่ 23.66 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/56 ที่มีกำไรสุทธิ 27.02 ล้านบาท หรือลดลง 3.36 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตามปริมาณการขายเหล็กลวดของบริษัทยังมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มปริมาณการขายเหล็กลวดในไตรมาส 3/57 และไตรมาส 4/57 ก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากความมั่นใจว่าภาครัฐจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจริง
"ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กำไรเราลดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่วอลลุ่มเราไม่ลด ที่กำไรลดลงเพราะว่ารัฐบาลยังไม่มียโยบายออกมา ส่วนหนึ่งส่งผลให้ราคาขายเหล็กลวดลดลงมาอยู่ที่ 32 บาท/ก.ก.จากเดิมอยู่ที่ 33 บาท/ก.ก.ระทบกำไรเรา แต่ไตรมาส 3 นี้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะมีการเดินหน้าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆกลับมามากขึ้น การเบิกจ่ายภาครัฐต่างๆก็จะออกมา ทำให้ลูกค้าเราและเราเริ่มงานได้ และราคาเหล็กก็จะกลับมาเพิ่มขึ้น วอลลุ่มก็จะเริ่มดีขึ้น กำไรในไตรมาส 3 และ 4 ก็ pick up กลับมา"นายเชนินทร์ กล่าว