“เชื่อว่าผลจากการได้งาน EPC(การรับเหมาและติดตั้ง)ในส่วนของ 1,400 เมกะวัตต์จะช่วยผลักดันรายได้ของเราให้เติบโตขึ้น เราคาดหวังได้งานส่วนนี้ราว 10% ของโครงการทั้งหมด รวมไปถึงงานโครงการอื่นๆด้วย ซึ่งทำให้เรามีรายได้เพิ่มเข้ามา"นายสมบูรณ์ กล่าว
หลังจากนั้น ในช่วงเดือน ธ.ค.58 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลมห้วยบง 1 ขนาด 60 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัท 950 ล้านบาท/ปี หรือ 80 ล้านบาท/เดือน และในปี 60 จะรับรู้รายได้โครงการพลังงานลมห้วยบง 2 ขนาด 60 เมกะวัตต์เข้ามาอีก จะส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทในช่วงปี 59-61 เติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากรับรู้รายได้ของโครงการพลังงานลมเข้ามาเต็มที่
“ความคืบหน้าของโครงการลมห้วยบง 1 คาดว่าสิ้นเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จะปิด project finance คาดว่าคงเป็นธนาคารไทยพาณิชย์มูลค่าเงินกู้ 4.8 พันล้านบาท และจะเริ่มก่อสร้างได้ไม่เกินเดือนพฤศจิกายนนี้ ส่วนโครงการลมห้วยบง 2 ขบวนการทั้งหมดจะห่างออกไปอีก 6 เดือน โดยคาดว่าจะปิด project finance ได้กลางปีหน้า และเริ่ม COD ได้เดือนธันวาคม 59" นายสมบูรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 58 บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 220 เมกะวัตต์ และในปี 60 จะเพิ่มเป็น 300 เมกะวัตต์ ทำให้บริษัทคาดว่าในปี 61 จะมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจพลังงานมากกว่าธุรกิจรับเหมาและเทรดดิ้ง จึงอาจจมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทจาก บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง ไปเป็น บมจ.กันกุลเอ็นเนอร์ยี่
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้า Gas Engine ที่เมียนมาร์ เฟส 1 ขนาด 25 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมียนมาร์ เพื่อโอนสิทธิสัญญาการขายไฟฟ้าจากพันธมิตรท้องถิ่นมาอยู่ในบริษัทร่วมทุน ส่วนโครงการเฟส 2 ขนาด 25 เมกะวัตต์อาจต้องล่าช้าออกไป คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในกลางปี 58 จากเดิมปลายปี 57 เนื่องจากกระบวนพิจารณาของทางการเมียนมาร์มีความล่าช้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมการขออนุญาตก่อสร้างโรงไฟฟ้า Gas Engine เฟส 3 ขนาด 25 เมกะวัตต์เพื่มเติมอีก เนื่องจากได้เห็นถึงความเป็นไปได้ของปริมาณก๊าซในพม่าที่มีความเพียงพอรองรับโรงที่ 3