สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA)สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 66,498 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 50,139 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 75.4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 8,572 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.9% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 1,535
ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด
สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB21DA และ LB15DA(รุ่นอายุ 4.8 ปี, 7.3 ปี และ 1.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,161 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้านหุ้นกู้เอกชนรุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด(มหาชน)(AYCAL14OA) มูลค่า 182.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด(มหาชน)(DTAC167A) มูลค่า 122.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บ้านปู(BANPU225A) มูลค่า 105.0 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 410.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,662 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -296 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -8,132 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.02% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.05% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร ล่าสุดผลการประชุม FOMC ของสหรัฐฯ Fed มีมติปรับลดขนาด QE ลงอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% โดยถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยเลน ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับใกล้ 0% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง และอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าแต่ไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่แน่นอน สำหรับนักลงทุนต่างชาติวันนี้มียอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 8,132 ล้านบาท