ทั้งนี้ จากมุมมองในเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และโอกาสขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกดังกล่าว บลจ.กสิกรไทยจึงเสนอขายกองทุน K-GPROP ครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 2-8 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยมูลค่ารวมที่เสนอขายได้ในช่วงเสนอขายครั้งแรก (IPO) มีมูลค่ารวมสูงกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นกองทุนรวมต่างประเทศในหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ และสำหรับผู้ที่พลาดโอกาสลงทุนไปในช่วงแรก เพื่อเป็นการตอบรับความต้องการของนักลงทุน
กองทุนหลักของ K-GPROP จะมีการกระจายการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) รวมถึงหุ้นในหมวดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก จึงได้รับประโยชน์ตามการเติบโตของตลาดหุ้นใหญ่ๆ ทั่วโลก ด้วยเช่นกัน โดยมุมมองต่อสถานการณ์การลงทุนใน REITs ทั่วโลกในภาพรวม ปัจจุบันพบว่าระดับราคาซื้อขายยังไม่แพงจนเกินไป โดยค่าเฉลี่ยทั่วโลกมีการซื้อขายที่ระดับราคาต่ำกว่ามูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ประมาณ 1.30% โดยเฉพาะในแถบเอเชีย อาทิ ประเทศสิงคโปร์ ประเทศฮ่องกง ซึ่งมีระดับราคาที่น่าสนใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น เนื่องจากยังคงมีราคาต่ำกว่า NAV อยู่มาก ทั้งนี้ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาส 1 ได้กดดันราคาของ REITs ทั้งในประเทศฮ่องกง และประเทศสิงคโปร์ โดยเฉพาะ REITs ของประเทศสิงคโปร์ที่มีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน
นอกจากนี้ คาดว่าในระยะสั้นจะยังมีความผันผวนอยู่บ้างจากความกังวลในการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา แต่หากมองในระยะยาว ยังคงมีแนวโน้มเติบโตที่ดีตามการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศจีนที่เริ่มดีขึ้น ส่วนสถานการณ์ REITs ในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันมีราคาสูงกว่ามูลค่าหน่วยลงทุนเล็กน้อย แต่ถือว่ายังคงต่ำเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในปี 2008 โดยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ โดยเฉพาะทำเลทองบริเวณใจกลาง และรอบๆ กรุงลอนดอน
อย่างไรก็ตามกรณีความกังวลต่อสถานการณ์การแยกตัวของสกอตแลนด์ บลจ.กสิกรไทย มองว่าผลกระทบดังกล่าว จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอังกฤษอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้คาดว่าจะมีผลกระทบต่อสถานการณ์ลงทุนโลกในภาพรวมแค่เพียงระยะสั้นและอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังคงเติบโตต่อไปได้ต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทจดทะเบียนยังมีปัจจัยพื้นฐานดีด้วย