"อินทรี ซุปเปอร์บล็อก"เล็งอนาคตเข้าตลาดหุ้น ตั้งเป้ายอดขายปี 58 โตตามกำลังผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 19, 2014 18:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรัฏร์ สิริเฉลิมพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินทรี ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด ในเครือบมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) กล่าวว่า SCCC ได้มีพูดคุยเกี่ยวกับการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคตหากมีการเติบโตที่ดีและมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และเป็นไปตามเกณฑ์
"จริงๆทางปูนอินทรีย์เองก็มีคุยๆว่าในอนาคต ถ้าเรามีการเติบโตที่ดีและผลประกอบการเราแข็งแกร่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามเกณฑ์ของทางตลาดหลักทรัพย์ ก็อาจจะนำบริษัทอินทรี ซุปเปอร์บล๊อก เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มมาปีกว่าๆเอง อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ในการสร้างฐานให้แข็งแกร่ง"นายจิรัฏร์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายในปี 58 จะมีกำลังการผลิตอิฐมวลเบาอยู่ที่ 7.6 ล้าน ตร.ม./ปี และมียอดขายเพิ่มขึ้นจากปีนี้เป็น 6 ล้าน ตร.ม. โดยจะผลักดันผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นแผนผนังสำเร็จรูป (Panel) ที่บริษัทเพิ่งมีการขายเพื่อทดลองตลาดตั้งแต่ไตรมาส 3/57 ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ส่วนในปีนี้บริษัทคาดว่ายอดขายอิฐมวลเบาจะเป็นไปตามเป้าหมาย 550 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.8 ล้าน ตร.ม.จากกำลังการผลิตรวมของทั้งโรงงานที่จังหวัดสิงห์บุรีและราชบุรีรวมกันที่ 6 ล้าน ตร.ม./ปี เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 3 ล้าน ตร.ม.

นายิรัฎร์ กล่าวว่า การที่ยอดขายอิฐมวลเบาเติบโตขึ้นส่วนมาจากช่วงครึ่งปีหลังของปี 57 เมื่อความไม่สงบทางการเมืองผ่านพ้นไป และมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นและการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาฟื้นตัว ทำให้ยอดออเดอร์อิฐมวลเบากลับมาเพิ่มมากขึ้น และบริษัทเองก็ได้รับประโยชน์จากการลูกค้าที่ใช้บริการของปูนอินทรีย์ที่มีส่วนช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นด้วย

"ในครึ่งปีแรกเราจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ทำให้ลูกค้ามีการชะลอคำสั่งซื้อ ทำให้ยอดขายใน 6 เดือนแรกเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แต่เชื่อว่าทั้งปีเราก็มั่นใจทำได้ตามเป้าที่ 550 ล้านบาท จากทิศทางและสัญญาณต่างๆที่เริ่มกลับมาดีขึ้น ภาคการก่อสร้างก็เริ่มกลับมาดำเนินงาน จะเห็นได้จากยอดขายเดือนสิงหาคมและกันยายนที่กระเตื้องกลับขึ้นมา"นายจิรัฏร์ กล่าว

ด้านทิศทางราคาอิฐมวลเบาเฉลี่ยในปีนี้ ช่วงต้นปีราคาขายลดลงมาอยู่ที่ 19-20 บาท/ก้อน จากปี 56 อยู่ที่ 24-25 บาท/ก้อน จากการชะลอตัวของภาคการก่อสร้าง ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของบริษัทเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ทิศทางช่วงครึ่งปีหลังยังทรงตัว และในปี 58 ราคามีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น หากภาครัฐมีการนำเงินออกมาลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ก็จะส่งผลให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นกลับมามากขึ้นกว่าปัจจุบัน การก่อสร้างก็จะกลับมาคึกคัก

ปัจจุบัน กำลังการผลิตอิฐมวลเบารวมของตลาดอยู่ที่กว่า 30 ล้าน ตร.ม./ปี คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมเกือบ 5 พันล้านบาท โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับที่ 2 ราว 13% รองจากอันดับ 1 คือ บมจ.ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์(Q-CON)ที่มีส่วนแบ่งตลาดราว 45% อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้ตั้งเป้าหมายระยาวภายใน 3 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 60 จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้เป็น 20% จากการเพิ่มทีมงานขาย และการมองหาการลงทุนสร้างหรือซื้อโรงงานผลิตอิฐมวลเบาเพิ่มเติมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาทำเลหรือผู้ที่สนใจขายโรงงาน คาดว่าในปี 60 อาจจะมีโรงงานใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ