เนื่องจากสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SLC มีการปรับผังรายการใหม่ และเข้าสู่รูปแบบของทีวีดิจิตอล ทำให้กระแสตอบรับจากผู้ชมดีมาก โดยจากการสำรวจล่าสุดพบว่าเรตติ้งดีขึ้นเป็นลำดับ จึงสามารถปรับราคาขายโฆษณาขึ้นมาได้ ซึ่งจะทำให้แนวโน้มรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแผนการซื้อออฟฟิศ เพื่อใช้เป็นสถานีแห่งใหม่ของสปริงนิวส์ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางที่เหมาะสม เนื่องจากมีทางเลือกในการดำเนินการอยู่หลายแนวทาง ทั้งเรื่องของเวลา สถานที่และรูปแบบการลงทุนหรือร่วมลงทุน ซึ่งบริษัทจะเลือกแนวทางที่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ คณะกรรมการเห็นว่าควรมีการชะลอออกไปก่อน เนื่องจากได้ปรับเปลี่ยนแผนการใช้เงิน โดยจะนำเงินไปใช้ในโครงการที่เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถสร้างผลตอบแทนได้เร็วที่สุด
"การลงทุนสถานีใหม่จะใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง จึงต้องมีการเตรียมตัวดำเนินการไว้ล่วงหน้าให้พร้อมก่อน และจะลงทุนทันทีในเวลาที่สปริงนิวส์และบริษัทในเครือ เริ่มเห็นแนวโน้มในการทำกำไรที่ชัดเจน ดังนั้นในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องติดอาวุธต่อยอดให้กับทางสปริงนิวส์และธุรกิจในเครือให้เร็วและมากที่สุด เพราะเรตติ้งของสปริงนิวส์ในช่วงที่ผ่านมาดีมาก และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วทั้งประเทศ "
นายอารักษ์ กล่าวต่อถึงการเพิ่มทุนของ SLC ครั้งล่าสุดซึ่งจะเสนอขายจำนวน 25,511.29 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้นสามัญเดิม:5 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอหุ้นละ 0.09 บาท และจัดสรรขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) 5.5 หมื่นล้านหุ้น รวมทั้งอีกส่วนหนึ่งจะใช้รองรับการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพให้แก่บุคคลในวงจำกัดไม่เกิน 1.4 พันล้านหุ้น เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น
"การเพิ่มทุนในสัดส่วน 1 หุ้นเดิม ต่อ 5 หุ้นใหม่ รวมทั้งหมดผู้ถือหุ้นเดิมจ่ายเงินเพียง 0.45 บาทก็จะได้ 5 หุ้นใหม่ ต้นทุนของผู้ถือหุ้นเดิมก็จะลดลงเหลือราว 0.14-0.15 บาท/หุ้น ขณะที่ปัจจุบันมูลค่าทางบัญชี (BV) ของบริษัทอยู่ที่ 0.21-0.22 บาท ซึ่งจากการหารือกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกก็ได้รับการยืนยันว่าจะใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้แน่นอน โดยคาดว่าได้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาทเข้ามาในช่วงปลายเดือน ต.ค.57"
นายอารักษ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนสถาบันจากต่างประเทศที่สนใจในธุรกิจสื่อ เข้ามาขอพบปะหารือกับทาง SLC อย่างต่อเนื่อง เพราะมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัท และมีกองทุนหลายแห่งสนใจร่วมลงทุนกับบริษัทฯ แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม SLC เปิดกว้างพร้อมรับพันธมิตรใหม่ๆ เสมอ หากมีข้อเสนอที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทฯ ส่วนแนวโน้มผลประกอบการของสปริงนิวส์ คาดว่าจะเริ่มมีกำไรในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 58