“ปัจจุบันกลุ่มผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ ยังคงให้ความสนใจลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน ท่ามกลางภาวะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุ่งเน้นการคัดเลือกตราสารที่มีคุณภาพ พร้อมกับการปรับจังหวะการออกกองทุนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น แม้สถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและตัวเลขการใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่นโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่คาดว่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม และจะส่งผลต่อแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป อย่างไรก็ตามจากผลการประชุมล่าสุดของคณะกรรมการกำหนดนโยบายทางการเงิน (กนง.) ยังคงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.00% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้" นายนาวินกล่าว
สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอเอ็ม (KEFF6MAM) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Bank of China เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ Isbank ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อียู (KFI3MEU) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท