ปัจจุบันโลกสร้างความท้าทายต่อการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ภาคธุรกิจก็ต้องการสร้างการเติบโตและมูลค่าทางธุรกิจ วันนี้ทียูเอฟได้สร้างความสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้ ด้วยการบริหารจัดการธุรกิจให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่กับการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และผลการประเมิน DJSI ในครั้งนี้ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จดังกล่าวแล้ว
สำหรับ DJSI นี้ เป็นดัชนีประเมินความยั่งยืนระดับสากลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยทุกปีจะมีการคัดเลือกบริษัทขนาดใหญ่มาเข้าร่วมการประเมินด้านความยั่งยืนของธุรกิจ (Corporate Sustainability Assessment หรือ CSA) ซึ่ง DJSI จะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม โดย ทียูเอฟ จัดอยู่ในกลุ่มของ Emerging Markets หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่ และปีนี้เป็นปีแรกของทียูเอฟ ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ และยังเป็นบริษัทไทยบริษัทแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกดัชนีในกลุ่มนี้
นายวิทย์ สุนทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน TUF กล่าวว่า บริษัทสามารถเข้าเป็นสมาชิกดัชนี DJSI เร็วกว่าที่คาดหมายไว้ถึง 2 ปี โดยก่อนหน้านั้นเราตั้งเป้าที่จะเข้าเป็นสมาชิก DJSI ในปี 59 ซึ่งการที่ทียูเอฟได้เข้าสู่ดัชนี DJSI ในปีนี้ ย่อมมีนัยสำคัญต่อบริษัทเป็นอย่างมากในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมทางด้านศักยภาพการดำเนินธุรกิจ การยึดมั่นในหลักธรรมภิบาลอย่างเคร่งครัด การมุ่งคิดค้นนวัตกรรมทางผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง การมุ่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ และการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมที่จะขับเคลื่อนทางสังคมและชุมชน
เส้นทางความยั่งยืนของทียูเอฟ เกิดจากฐานรากของธุรกิจที่มีอยู่ตั้งแต่ดั้งเดิม คือ ความเป็นตัวตนของเรา ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งถูกสร้างหรือกำหนดขึ้นมา ขณะเดียวกันวิสัยทัศน์จากผู้บริหารที่ได้ปลูกฝังกลายเป็นค่านิยมองค์กร ที่ยึดมั่นการดำเนินงานร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เพื่อหาแนวทางการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนร่วมกัน และเรายังมีความตั้งใจที่จะปฏิบัติต่อทุกความคิดเห็นที่ได้จากผู้มีส่วนได้เสียอย่างจริงจัง และมีความโปร่งใส เพื่อกันหาหนทางและจัดการกระบวนการทำงาน ซึ่งเรามุ่งหวังที่ก้าวไปสู่ความยั่งยืนร่วมกันในอนาคต