SPCG และ TFD จะจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเข้ามาดูแลโครงการดังกล่าว โดยจะมีสัดส่วนการถือหุ้น 50:50% มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 15 ล้านบาท โดยเฟสแรกคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 4/57 บนพื้นที่หลังคาโรงงานและคลังสินค้าของ TFD ราว 6 หมื่นตารางเมตร ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกกะวัตต์ ประเมินงบลงทุนราว 300 ล้านบาท ขณะที่ TFD ก็มีแผนขยายพื้นที่คลังสิ้นค้าและโรงงานอุตสาหกรรมในปี 58 อีก 1.2 แสนตารางเมตร ซึ่งมีโอกาสติดตั้งโซลาร์รูฟเพิ่มเติม
ส่วนการรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวจะเข้ามาตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นไป โดยจะขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในราคารับซื้อไฟฟ้าที่ adder 6 บาท/หน่วย
อย่างไรก็ตาม SPCG ยังมองการลงทุนในลักษณะนี้เพิ่มอีก โดยคาดว่าภายใน 5 ปีจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟเพิ่มเป็น 100 เมกกะวัตต์ จากที่ก่อนหน้านี้ได้มีความร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ไปแล้ว
นางสาววันดี กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 4,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 58 รายได้และกำไรจะเติบโตอีกไม่น้อยกว่า 10% เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มครบทั้ง 36 โครงการเข้ามาเต็มที่ทั้งปี รวมกำลังการผลิต 261 เมกกะวัตต์ และจะรับรู้รายได้จากการลงทุนร่วมกับ TFD รวมถึงการลงทุนกับพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ นอกจากนั้น บริษัทยังจะมีรายได้จากการวางขายสินค้าชุดติดตั้งโซลาร์รูฟในห้างโฮมโปรด้วย