นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัว
ขึ้นไปทดสอบ 1,600 จุด โดยคาดว่าจะมีการปรับตัวขึ้นไปตามดัชนีตลาดหุ้นในทั่วโลกหลังจากที่ได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดขายบ้าน
ใหม่ของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% ซึ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายมาริโอ ดรากิ
ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนจะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง
แต่อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหากออกมาปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะทำให้นัก ลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ อาจจะส่งผลให้มีแรงขายออกมาได้
พร้อมให้แนวรับดัชนีวันนี้ที่ 1,587-1,588 จุด แนวต้าน 1,600 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(24 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,210.06 จุด เพิ่มขึ้น 154.19 จุด (+0.90%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,555.22 จุด เพิ่มขึ้น 46.53 จุด(+1.03%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,998.30 จุด เพิ่มขึ้น 15.53 จุด(+0.78%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 159.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 9.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 126.77 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.27 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 10.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 8.88 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.70 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 27.50 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 4.44 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(24 ก.ย.)1,591.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.76 จุด(+0.11%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,557.38 ล้านบาท เมื่อวันที่ 24 ก.ย.57
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(24 ก.ย.)ที่ 92.80 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(24 ก.ย.)ที่ 6.81 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.24/26 ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อยตามแรงขายทำกำไร
- ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ได้เข้าหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมกับนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนาน 2 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรีได้ปรึกษางานด้านเศรษฐกิจหลายเรื่อง โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 ที่ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการต่างๆ มาช่วยกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
- พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด รฟม. ได้อนุมัติให้ผู้รับเหมาที่ซื้อแบบประมูลทั้ง 31 ราย ยื่นประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร วงเงิน 26,464 ล้านบาท ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ และจะตรวจสอบทางเทคนิคเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนจะเปิดให้เสนอราคาในเดือน ธ.ค. นี้
- พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อร่วมกันดูแลค่าครองชีพประชาชนนั้นทางผู้แทนภาคเอกชนยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้ากับภาครัฐอย่างเต็มที่ แต่หากจะมีการขอปรับขึ้นราคาสินค้า เอกชนก็สามารถเสนอเข้ามาให้พิจารณาได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนและสามารถตอบได้ว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร และขึ้นราคาเท่าไหร่จึงจะรับได้ทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้บริโภค หากไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนก็จะไม่พิจารณาอนุมัติให้
- ก.ล.ต. ปรับปรุงเกณฑ์การแก้ไขฐานะเงิน กองทุนสำหรับ โบรกเกอร์ที่ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิได้ มีผลเดือน ต.ค.นี้ ด้านนายกสมาคมบล. ยืนยันสมาชิกฐานะแข็งแกร่ง ไร้ปัญหาแต่ที่ปรับเกณฑ์เพราะรองรับธุรกรรมในอนาคตและรับมือความผันผวนของตลาดทุน
- ไทยพาณิชย์เชื่อแนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มฟื้น คาดปีหน้าโตได้ 4-5% ดันสินเชื่อทั้งระบบโต 6-9% ส่วนปีนี้เน้นทำรายได้-ลดต้นทุนเข้าเป้า สินเชื่อเรื่องรอง ส่วนกรณีสกริมมิ่งยันพัฒนาระบบตลอด หากเกิดปัญหาเร่งคืนเงินเร็วที่สุด
- นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ 3 กรมภาษี คือกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต เตรียมพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บรายได้ปีงบ 2558 เพื่อให้การเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 2.325 ล้านล้านบาท ไม่ควรจะให้ต่ำกว่าเป้าหมายเหมือนในปีนี้
*หุ้นเด่นวันนี้
- BTS(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 10.80 บาท วานนี้ บอร์ด รฟม.มีมติเห็นชอบให้มีการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีเขียวเหนือ (หมดชิต-สะพานใหม่-คูคต) ตาม TOR เดิม โดยมีกำหนดยื่นเอกสาร 30 ก.ย. นับเป็นปัจจัยบวกต่อ BTS เพราะมีโอกาสสูงสุดในการได้งานเดินรถต่อเนื่องจากสายสีเขียวเดิม อีกทั้งยังช่วยเพิ่มปริมาณผู้โดยสารสายสีเขียวเดิมได้อย่างมาก นอกจากนั้น BTS ยังสนใจเข้าบริหารงานเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์หากภาครัฐเปิดให้เอกชนเข้าร่วมงาน รวมถึงสนใจเข้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ส่วนงานในต่างประเทศอยู่ระหว่างรอผลประมูลรถไฟฟ้าที่ปักกิ่งระยะทาง 50 ก.ม. ซึ่งเลื่อนประกาศจากเดือนมื.ย. 2014 ประมาณการกำไรของเรายังไม่รวมโครงการดังกล่าว
- PTTEP, BTS, CK (เคทีบี)"เก็งกำไร"โดย PTTEP ราคาหุ้นจะได้แรงหนุนบวกระยะสั้น จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเมื่อคืนนี้ ขณะที่ยังเห็นแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทที่ดีต่อเนื่องในช่วง 2H57 แม้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน (stock loss) ในงวด 3Q57 9ตามราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง q-o-q ส่วน BTS และ CK ได้แรงหนุนจากข่าว รฟม. มีมติเดินหน้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนเหนือ (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งทั้งสองบริษัทมีโอกาสได้งานสูงจากผลงานที่ผ่านมา โดยให้ราคาเป้าหมาย PTTEP, BTS, CK เท่ากับ 204, 10.83 และ 29.96 บาท ตามลำดับ
- INTUCH(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 88.20 บาท คาดผลประกอบการ 3Q57 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของ ADVANC รวมถึงการเติบโตของ THCOM และราคาหุ้นยังมี upside ราว 20% จากมูลค่าเหมาะสม
- DTAC (เคเคเทรด)"เก็งกำไร"เป้า 112 บาท คาดผลประกอบการ 3Q57 จะเป็นไตรมาสต่ำสุดของปีและมีแนวโน้มฟื้นตัวในไตรมาส 4 จากรายจ่ายโปรโมชั่นที่ออกในช่วงไตรมาสนี้จะหนุนให้จำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลให้รายได้ฟื้นตัวช่วงไตรมาสสุดท้าย ราคาหุ้นยังมี upside จากมูลค่าเหมาะสมเกือบ 6%
- ADVANC(เคเคเทรด)"เก็งกำไร"เป้า 220 บาท ฟื้นตัวได้เร็วกว่า DTAC เพราะสามารถขยายโครงข่ายและลูกค้าระบบ 3G-2100 ได้เร็วกว่าเป้า อีกทั้งรายได้ non-voice ของ ADVANC มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเร็วกว่า อย่างไรก็ตามราคาหุ้น ADVANC ปรับขึ้นมาสะท้อนมูลค่าที่เหมาะสมที่แล้ว
- IFEC(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 11.40 บาท มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลัง IFEC ประกาศเข้าร่วมลงทุนในบริษัทกรีน โกรท (GG) ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังลม 10 MW ที่ จ.นครศรีธรรมราช และมีกำหนดเริ่มขายไฟฟ้าตั้งแต่ 1 พ.ค.2558 ส่งผลให้ IFEC กลายเป็นบริษัทเดียวในประเทศที่บริหารโครงการพลังงานทดแทนครบทุกด้าน ทั้ง โซลาร์ฟาร์ม, โซลาร์รูฟ, ชีวมวล, ขยะ และลม ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจะเริ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 38 MW ในปี 2557 เป็น 163 MW ในปี 2558 และเพิ่มขึ้น 250 MW ในปี 2559 พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +54.4% yoy เป็น 404 ล้านบาท และเติบโตก้าวกระโดด +426.6% yoy เป็น 2,130 ล้านบาท ในปี 2559 และ Valuation ในระยะยาวยังมีความถูก