PTTGC จับมือกลุ่มน้ำตาลใหญ่ของไทยรวม KTIS ร่วมศึกษาลงทุนพัฒนา Biohub

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 25, 2014 15:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (PTTGC )เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการความร่วมมือศึกษาการลงทุนพัฒนาศูนย์กลางอุตสาหกรรมเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม(Biohub)ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทย ประกอบด้วย บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น(KTIS) กลุ่มน้ำตาลมิตรผล และ บริษัท คริสตอลลา จำกัด

ทั้งนี้ บริษัทพันธมิตรจะร่วมกับบริษัทในการศึกษากับความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง Biohub โดยใช้วัตถุดิบจากการเกษตรในการผลิตไบโอพลาสติก(พลาสติกชีวภาพ) เชื้อเพลิงชีวภาพ และผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพขึ้นในประเทศไทย เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่พืชผลการเกษตร สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มีนโยบายชัดเจนในการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและเคมีชีวภาพ สนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม Biohub ในภูมิภาคเอเชีย

ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพสามารถจะนำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปต่างๆ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ / ภาชนะใส่อาหาร ชิ้นส่วนรถยนต์เครื่องใช้ไฟฟ้า และเส้นใยสังเคราะห์ในส่วนเคมีชีวภาพ นอกจากใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตพลาสติกชีวภาพแล้ว ยังสามารถใช้เป็นสารเติมแต่งอาหารและเครื่องสำอาง

นายบวร กล่าวเพิ่มเติมว่า วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็น Biohub ในเอเชีย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยทั้งในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมไปพร้อมกัน โดยกรอบการศึกษาจะครอบคลุมโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานของโครงการ วัตถุดิบ การลงทุน และพื้นที่โครงการ คาดว่าจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 6-8 เดือน

การสร้างไบโอฮับในประเทศไทย จะส่งผลดีหลายประการ ได้แก่ สร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรด้วยอุตสาหกรรมพลาสติก เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพเพื่อต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมแปรรูปและอุตสาหกรรมปลายทาง นำไปสู่การจ้างงานและสร้างรายได้ให้ประเทศในภาพรวม รวมทั้ง ส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติก เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพและอุตสาหกรรมต่อเนื่องให้เติบโตอย่างยั่งยืน และดึงดูดการลงทุนจากผู้พัฒนาและเจ้าของเทคโนโลยีการผลิต ผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม

นายบวร กล่าวว่า PTTGC กำหนดทิศทางและกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความสมดุลใน 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านไบโอพลาสติกเละเคมีชีวภาพโดยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตไบโอพลาสติกในอเมริกา และจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาขยายฐานการผลิตในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบการเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของวัตถุดิบจากภาคเกษตรกรรมและยกระดับรายได้ของเกษตรกรไทย

"โครงการ Biohub จะเป็นการเชื่อมโยงต่อยอดระหว่างผลิตผลทางการเกษตรกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและจะเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคเอเชียตามเป้าหมายของรัฐบาล"นายบวร กล่าว

ปัจจุบันอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพมีการพัฒนาอย่างมากในประเทศที่มีบทบาทในเศรษฐกิจโลก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คาดว่าความต้องการพลาสติกชีวภาพของโลกจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1 ล้านตันต่อปี เป็น 3 ล้านตันต่อปีในปี 63 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของความต้องการใช้เม็ดพลาสติกของโลก โดยคาดว่าในอีก 10-15 ปี โครงการ Biohub จะสร้างรายได้รวมแก่ประเทศได้มากกว่า 50,000-140,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานมากกว่า28,000 คน และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีก 227,000 ตันต่อปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ