บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ราคาหุ้น บมจ.สิงห์ เอสเตท(S)ยังมี momentum ในการปรับขึ้น ภาพพจน์ที่ดีมากของกลุ่มสิงห์ฯในเรื่องความแข็งแกร่งของตรา การเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มและแอลกอฮอล์ มีสินทรัพย์มาก ความคืบหน้าของธุรกิจในอนาคต รวมทั้งอาจมีการตัดขายสินทรัพย์ที่ยังไม่พัฒนา เช่น ที่ดินเปล่าที่มีต้นทุนต่ำ อาจจะผลักดันราคาหุ้นได้ แต่หากจะป้องกันความเสี่ยง เพราะกว่าที่จะได้รายได้และกำไรตามที่กล่าวไว้ข้างต้นอาจต้องใช้เวลาอีกนาน ก็ควรจะหวังส่วนต่าง (Gap) กำไรจากการลงทุนไม่มาก
เมื่อวันศุกร์ราคาหุ้นชนซิลลิ่ง เพราะเป็นวันแรกที่เข้าซื้อขายหลังจากเข้าซื้อและโอนสินทรัพย์จากกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ โดยแรงกระตุ้นราคาหุ้นคือ การเจรจาหาซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติม บริษัทคาดปีนี้สรุปได้อย่างน้อย 1 ดีล, การรับพันธมิตรใหม่ เพื่อเพิ่มฟรีโฟลต, มีบุคลากรที่มีความสามารถเข้ารับบริหารงาน และมีที่ดินจะพัฒนาอีกพอควร
แต่ราคาหุ้นที่ขึ้นมานี้เป็น 376% จากราคาต้นทุนที่กลุ่มสิงห์ฯเพิ่มทุนเข้ามาที่ 1.87 บาท หุ้นที่ไม่ติด silent period และการทยอยหมด silent period คาดว่าจะเป็นประเด็นที่นักลงทุนกังวลแรงขายตามมาได้
เนื่องจากการเพิ่มทุนจำนวนมากถึง 4,162.4 ล้านหุ้น มาแลกกับหุ้นของกลุ่มสิงห์ฯ ทำให้ dilution effect ถึง 88% หากกำหนดให้ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 15 เท่า แสดงว่าบริษัทต้องมีกำไรสุทธิต่อหุ้นมากถึง 0.59 บาท
ทั้งนี้ ยังสงสัยว่าต้องใช้เวลาอีกนานเพียงไร ที่จะกำไรสุทธิจะไปถึง 2.8 พันล้านบาท และรายได้เป็น 23.3 พันล้านบาท หากมีอัตรากำไรสุทธิที่ 12% ขณะที่งบเสมือนที่รวมครึ่งแรกปีนี้มีรายได้เพียง 289 ล้านบาทและขาดทุน แต่เป็นไปได้ว่าภาพพจน์ที่ดีมากของกลุ่มสิงห์ฯและความคืบหน้าของธุรกิจจะผลักดันราคาหุ้นได้ แต่ไม่ควรหวัง Gap กำไรที่มาก
S เดิมชื่อ บมจ.รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (RASA)เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นวันแรก หลังจากเข้าซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของ บจ.เอส ไบร์ทฟิวเจอร์ ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สันติบุรี จำกัด ของนายสันติ ภิรมย์ภักดี ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรม สันติบุรี บีช รีสอร์ท กอล์ฟ แอนด์ สปา ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี