ประกอบด้วย 1. โครงการแลนซีโอ คริป ปิ่นเกล้า– วงแหวน รองรับการเดินทางในอนาคตด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง บนถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก (ฝั่งตะวันตก) บนเนื้อที่ 73 ไร่ รวม 404 ยูนิต 2. โครงการแลนซีโอ คริป รัตนาธิเบศร์ – สถานีท่าอิฐ รองรับการเดินทางในอนาคตด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง บนถนน รัตนาธิเบศร์ (ซอยท่าอิฐ) บนพื้นที่ 15 ไร่ รวม 79 ยูนิต 3. โครงการแลนซีโอ คริป อ่อนนุช – สุวรรณภูมิ ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์และสนามบินสุวรรณภูมิ บนถนนลาดกระบัง บนพื้นที่ 23 ไร่ รวมกว่า 128 ยูนิต
4. โครงการแลนซีโอ คริป ศรีราชา – บ่อวิน จังหวัดชลบุรี อารมณ์รีสอร์ทส่วนตัว วิวสนามกอล์ฟ บนพื้นที่ 78 ไร่ รวม 363 ยูนิต 5. โครงการแลนซีโอ คริป ศรีราชา – นาพร้าว จังหวัดชลบุรี รายล้อมด้วยธรรมชาติ ทำเลใจกลางเมือง 5 นาทีจากโรบินสันและโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา บนพื้นที่ 54 ไร่ รวม 233 ยูนิต 6. โครงการ แลนซีโอ คริป ฉะเชิงเทรา – โสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำเลใจกลางเมือง 1 นาทีจากโรบินสันและศูนย์ราชการ บนพื้นที่ 53 ไร่ รวม 333 ยูนิต
และ 7. โครงการแลนซีโอ คริป นครราชสีมา – หมื่นไวย จังหวัดนครราชสีมา รายล้อมด้วยธรรมชาติ 5 นาทีจากเดอะมอลล์ สะดวกทุกการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง บนพื้นที่ 58 ไร่ รวม 343 ยูนิต
“บริษัทเชื่อว่าแบรนด์ “แลนซีโอ คริป" ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุดของบริษัท จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และสามารถขยายสู่ตลาดระดับเดียวกันนี้ในทำเลอื่นๆ ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด"นายชูรัชฏ์ กล่าว
นายชูรัชฏ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯมั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากโครงการแนวราบ 80% และคอนโดเมิเนียม 20% ส่วนยอดขายทั้งปีนี้ก็น่าจะอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท โดย 9 เดือนแรกทำยอดขายได้แล้ว 2.4-2.5 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทฯมีงานในมือ(backlog)ที่ 800-900 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้บางส่วนไปจนถึงต้นปี 58
ในไตรมาส 4/57 บริษัทเตียมเปิดตัวโครงการแนวราบอีก 2-3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1.7-1.8 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ 2 โครงการ และต่างจังหวัด 1 โครงการ หลังจาก 3 ไตรมาสแรกเปิดโครงการไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 2.5 พันล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 900-1,000 ล้านบาท และใช้ไปแล้วราว 60-70%
นายชูรัษฏ์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าภายใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัดเป็น 30-40% ของรายได้รวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 20-30% เพื่อกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และขยายธุรกิจของบริษัทฯให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมั่นคง เนื่องจากการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯมีอัตราช้าลง
"หลายๆปัจจัยทำให้ตลาดกรุงเทพฯเติบโตช้าลง ทั้งราคาที่ดินที่สูงขึ้น การขยายตัวของรถไฟฟ้า และค่าก่อสร้าง เราจึงมีการขยายธุรกิจออกไปในต่างจังหวัดล่วงหน้ามาได้ 1-2 ปีแล้ว ขณะที่ในกรุงเทพฯเรายังไม่ได้ทิ้ง ซึ่งก็จะมีโครงการเปิดใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวแลนซิโอ คริป จะเป็นอีกขาหนึ่งที่จะช่วยผลักดันบริษัทฯให้เติบโตไปได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้านี้เช่นกัน"นายชูรัษฏ์ กล่าว
ผู้บริหาร LALIN กล่าวอีกวา ปัจจัยบวกที่จะส่งเสริมให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตไปได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/57 ไปถึงปีหน้าคือการเร่งการใช้จ่ายภาครัฐเป็นตัวหลักที่ช่วยหนุนการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก โดยเฉพาะแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับ ความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้นหลังมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ และภาคการส่งออกที่น่าจะเติบโตดีขึ้นในช่วงไฮซีซั่น
ด้านปัจจัยลบยังเป็นหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง คิดเป็น 80% ของจีดีพีประเทศ และภาวะเศรษฐกิจยังคงทรงตัวอยู่ แม้ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ปัญหาแรงงานก็เริ่มดีขึ้นเล็กน้อยหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้ามาจัดระบียบแรงงานต่างด้าว รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ที่จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อธุรกิจ เพราะทำให้การจับจ่ายใช้สอยชะลอลง